วันอาทิตย์, ตุลาคม 25, 2552

Tanya Dan Ingat Kembali 25 Oktober 2004




Tanya Dan Ingat Kembali 25 Oktober 2004

Hari ini telah mengingat kembali, apa yang telah terjadi didepan halaman Balai Police daerah Ta-Ba, diawali suatu pagi yang cerah tepat pada tanggal 25 oktober 2004 adalah peristiwa Tak-Bai atau kejadian Ta-Ba dalam bahasa orang kampung menyebut, mari kita merenung dan mengingat kembali peristiwa kelabu dan kelam yang menimpa pada saudara-saudara sesama Muslimin kita didepan halaman Balai Police daerah Ta-Ba, yang hanya bersuara tanpa senjata, demi untuk mendapat jawaban keadilan pada pegawai pemerintah yang menjaga keadilan, akan tetapi telah dibuat biadat tanpa beradat oleh manusia yang selalu mengata dirinya beradat dan sebagai pelindung masyarakat dan penyayang masyarakat.

Kini pristiwa itu telah membuat luka hati bagi sanat saudara dan kerabat keluarga yang telah tertimpa pada pristiwa 25 oktober 2004, keadilan yang sedang diharap kini telah menambah luka, pasal lembaga Mahkamah yang sepatutnya memberi keadilan sesuai dengan fakta berlaku dan sesuai dengan peristiwa, telah memukul palu untuk memutuskan, bahwa para aparator pemerintahan baik police dan askar tidak bersalah pada pristiwa 25 oktober 2004, yang telah terjadi kematian 85 orang itu hanya akibat kehabisan pernafasan dan kelelahan dari puasa Ramadhan disiang hari, ketika dibawa berramai-ramai dan bertumpuk-tumpuk bagaikan tumpukan kayu balok diatas truk GMC Militery ke markas tentara bagian 4/IV wilayah Pattani.
Sungguh kejam dan biadat apa yang telah diputuskan oleh Hakim, sungguh luka bagi keluarga yang sedang mencari keadilan, sungguh pilu bagi istri yang kehilangan suami nya, sungguh kejam apa yang dibuat oleh para police dan askar-askar pada rakyat yang bersuara dipagi hari untuk mencari jawaban keadilan, kini peristiwa kelam didepan halaman Balai Police Ta-Ba telah menjadi lima tahun, lima tahun tanda tanya bagi kerabat yang mencari jawaban keadilan, lima tahun bagi masyarakat dunia untuk menunggu jawaban kinerja pemerintahan Thailand yang terkenal ramah tamah dan mejunjung tinggi suara Rakyat.
Peristiwa yang telah terjadi Hakim telah menutuskan, lalu dimanakah bagi kerabat keluarga akan mendapat jawaban yang seadil-adilnya, ini sebuah tanda tanya yang sangat memukul rasa bagi siapa saja, yang apabila bertanya dan merenung untuk mengingat dan cuba membayangkan terhadap peristiwa yang telah terjadi di depan halaman Balai Police derah Ta-Ba.
Kini pula tanya dan mengingat peristiwa itu telah tepat pada tanggal 25 oktober 2009 ini, lima tahun telah berlalu dengan tanya dan mengingat kembali, tanpa memberi jawaban yang adil dari pihak menjaga keadilan, peristiwa Ta-Ba berputar waktu dan tahun untuk mencari jawaban keadilan hukum dan keadilan sosial dalam kenangan peristiwa kebiadatan sesama manusia, tanya dan mengingat lima tahun dihari ini, semuga kita ketemu jawabannya, yang tersembunyi didalam hati sesama Muslim atas peristiwa Ta-Ba, mudahan.

อ่านต่อ...

วันศุกร์, ตุลาคม 16, 2552

Gugur seorang tentera jihad Islam Patani



Ketepatan pada tanggal 27 jun 2009, tentera jihad Islam Patani telah kehilangan anggota terbaik di kawasan Benang-seta satu orang perjuangan kita terus bertahan dan memberi perlawanan terus menerus, kita melaksanakan taktik perang gerilya demi menentukan politik kita tersendiri, bukan kita menyusah keadaan dan mengkeruh keadaan di bumi kita sendiri,


Hari ini kita telah dapat membuktikan kepada Dunia dan penghuni di bumi PATANI dan orang-orang PATANI yang merangtau di Negeri orang di seluruh dunia, bahwa kami tentera jihad Islam Patani akan terus menerus memberi pukulan pada penjajah siam, hari ini di Benang-seta kita syahid 1 orang, musuh tewas 3 orang, dalam berita hanya musuh mengatakan 2 orang saja yang tewas, perlawanan kita sampai ajal, kami mohon do’a kan kepada anak-anak muda yang bergabung dalam tentera jihad Islam Patani perjuangan sudah menunjukan jalan terang, bukti keajaiban para syuhada’ sudah nyata, tidak ada wajah tentera jihad yang menunjukan rasa kesakitan dalam menempuh ajal.
Pada hari ini, para pakar politik musuh sedang memikir berat untuk memukul patah tentra jihad dengan menurunkan pasukan khusus ke bumi patani yang kita semua cintai, demi Allah dan Rasulnya, kami para tentra jihad Islam Patani akan selalu mengawal bumi tumpah darah kita semua sampai darah kami membasahi bumi, harap semua yang mengaku lahir sebagai orang Patani untuk mendo’a kan pada kejayaan perjuangan kemerdekaan ini, insyaallah kita akan mendapat kejayaan dunia dan akhirat, Allahhu Akbar, Allahhu Akbar, Allahhu Akbar. Merdeka.

Suara rakyat melayu patani

อ่านต่อ...

FREE PATANI



หลากความรู้สึกอันบอบช้ำ กับชะตากรรมที่มองข้าม ตากใบเหลือแต่ตำนาน ปราศจากคำถามและความเข้าใจ

Various feeling wounds, with the fate that looked over, be left but, legend, without a question and the understanding.


 

อ่านต่อ...

วันอังคาร, ตุลาคม 13, 2552

นักเขียนน้อยชายแดนใต้..."บล็อกเกอร์พันธุ์ใหม่"



เรื่องเล่าจากนักเขียนน้อยชายแดนใต้ เป็นแนวคิดของ "สำนักหัวใจเดียวกัน" ที่เชื่อในพลังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในดินแดนปลายด้ามขวานซึ่งมีต้นทุนชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทั้งยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานน่าภาคภูมิใจ เพียงแต่ยังขาดทักษะและ "แรงบันดาลใจ" ที่จะลุกขึ้นมาบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นในท้องถิ่นของตนเองเผยแพร่สู่โลกกว้าง

“โครงการอบรมการเขียนเว็บบล็อก (Web Blog) สร้างนักข่าว-นักเขียนสายพันธุ์ใหม่ชายแดนใต้” จึงเกิดขึ้น เป็นการดำเนินงานในลักษณะพันธมิตรเครือข่ายภายใต้ความร่วมมือของ “สำนักหัวใจเดียวกัน” ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา วิทยุชุมชน 97.5 Modern Hit Peace FM จ.ยะลา และทีมงานบล็อกเกอร์ OK.NATION ในเครือเนชั่นมัลดิมีเดียกรุ๊ป โดยมีเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้สนใจเข้าร่วมกว่า 50 คน
กิจกรรมดีๆ เช่นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนหันมาสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทั้งในแง่ของวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของผู้คน เป็นการปูพื้นฐานการเขียน การถ่ายภาพ อันจะมีผลต่อการพัฒนาทักษะด้านการอ่าน การเก็บข้อมูล การสัมภาษณ์ ตลอดจนการศึกษาและการทำงานในอนาคต ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนมีสำนึกรักบ้านเกิด ก่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคนต่างศาสนาในฐานะผู้ร่วมอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน
ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ หรือ “พี่ย่อง” ของน้องๆ บรรณาธิการนิตยสารหัวใจเดียวกัน กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ว่า จากที่คลุกคลีในวงการสื่อทั้งส่วนกลางและในพื้นที่มาหลายปี วันหนึ่งมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของตัวเอง จึงคิดว่าไม่ควรนิ่งเฉยอีกต่อไป จึงตัดสินใจรวมกลุ่มกับเพื่อนในวงการนักข่าวและนักเขียน จัดตั้ง “สำนักหัวใจเดียวกัน” เพื่อคิดหากิจกรรมดีๆ ลงมาช่วยพื้นที่ เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม และใช้พลังเยาวชนในการขับเคลื่อน
“ผมไม่ปฏิเสธว่าในพื้นที่มีความรุนแรงตามที่สื่อกระแสหลักนำเสนอออกไป แต่ผมมองว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่เรายังมีต้นทุนทางสังคม ต้นทุนทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิต และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ขณะที่สมรรถภาพของผู้คนก็ยังแข็งแรง ยังมั่นคงอยู่ เรื่องราวดีๆ ต่างๆ จึงสมควรได้รับการนำเสนอ”
“แต่ปัญหาที่พบมาตลอดก็คือ สื่อกระแสหลักไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ผมจึงคิดว่าในเมื่อเรามีเด็กอยู่ในพื้นที่ โดยที่ทุกคนมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นทุนของชีวิตเขาอยู่แล้ว เขาย่อมสามารถเข้าใจบ้านของเขาเองได้ดีกว่า จึงสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจ และกระตุ้นให้เขานำเรื่องราวของบ้านเกิดมาเขียน”
ชุมศักดิ์ เล่าว่า ค่ายวรรณกรรมนักเขียนน้อยชายแดนใต้ นับเป็นกิจกรรมแรกที่ทำร่วมกับ “มูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดง” (มี ดร.รุ่ง แก้วแดง อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน) เพื่อเปิดช่องทางให้เด็กที่มีทักษะในงานเขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอผ่านตัวอักษร ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเกินคาด น้องๆ สะท้อนความคิดผ่านงานเขียนได้ดีมาก แต่ละเรื่องที่เขียนออกมามีความน่าสนใจ และใช้ภาษาได้ดี เมื่อโครงการแรกประสบความสำเร็จ จึงเกิดความคิดที่จะใช้เทคโนโลยีในรูปแบบของ “เว็บบล็อก” ที่นิยมกันทั่วโลก เพื่อใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารเพิ่มเติม
และนี่คือจุดเริ่มของการจัดค่ายอบรมการเขียนเว็บบล็อก (Web Blog) สร้างนักข่าว-นักเขียนสายพันธุ์ใหม่ชายแดนใต้ โดยเลือกบ้านต้นหยี ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติในลักษณะ "อบรมเชิงปฏิบัติการ"
ต้องบอกว่าแค่ “โลเกชั่น” ที่เลือกทำค่ายก็ท้าทายไม่น้อยแล้ว เพราะครั้งหนึ่งพื้นที่แห่งนี้คือหมู่บ้านที่ถูกแต้ม “สีแดง” โรงเรียนตาดีกาหลายแห่งไม่มีเสาธงและธงชาติไทย แต่วันนี้บ้านต้นหยีไม่มีคำว่า “สีแดง” อีกต่อไป คนไทยทั้งพุทธและมุสลิมถ้อยทีถ้อยอาศัย อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ทั้งนี้ เหตุผลที่ ชุมศักดิ์ ตัดสินใจเลือกบ้านต้นหยีเป็นสถานที่ทำค่าย เพราะเขามีความหลังกับหมู่บ้านแห่งนี้
“ผมเคยทำกิจกรรมแรกกับ ดร.รุ่ง แก้วแดง มีโอกาสได้สัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตของคนแถบนี้ ทั้งเดินป่าและสัมภาษณ์ผู้นำชุมชนอย่างผู้ใหญ่บ้าน พูดคุยกันจนรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน พอทราบข่าวว่าจะมีงานมัสยิด ก็เลยปรึกษากับทีมงานกันว่าน่าจะพาเด็กๆ ลงไปเรียนรู้พื้นที่ตรงนี้อีกครั้ง ไปเห็นวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวบ้านที่เดิมเป็นพื้นที่สีแดง น่ากลัวมาก แต่ทุกวันนี้ทุกบ้านติดธงชาติ มีผู้ใหญ่บ้านที่เข้มแข็ง มีแนวคิดในเชิงพัฒนา” ชุมศักดิ์ บอก และว่า
“เมื่อพาน้องๆ ลงพื้นที่ ผมจะไม่เล่าเรื่องราวในอดีตของหมู่บ้านให้ฟัง แต่จะให้อิสระทางความคิด ไม่วางกรอบ น้องๆ สามารถทำเรื่องอะไรก็ได้ น้องๆ ไปเห็นร้านน้ำชา ไปเห็นคนกำลังกรีดยาง เลี้ยงแพะ อยากรู้อะไรก็เข้าไปถาม คุยกับเขา และเขียนออกมาได้เลย”
จากเรื่องราวที่หมุนคว้างอยู่ในความคิด ถูกจัดระเบียบและเรียงร้อยออกมาเป็นตัวอักษร แต่กระบวนการยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะน้องๆ ทุกคนจะต้องนำเรื่องที่ตนเองเขียนถ่ายทอดผ่าน "เว็บบล็อก" อวดสู่สายตาสาธารณชนผ่านโลกไซเบอร์ด้วย
“เยาวชนทุกคนจะมีบล็อกเป็นของตัวเองอย่างสมบูรณ์ 1 คนต่อ 1 บล็อก จบจากค่ายนี้ น้องๆ ก็ยังสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารจากพื้นที่จริงได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทีมบรรณาธิการคอยช่วยแนะนำงานเขียนของน้องๆ เพิ่มเติม และในระยะยาวหากเป็นไปได้จะมีการรวบรวมงาน
เขียนของเยาวชนรุ่นใหม่พิมพ์เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คอีกด้วย” ชุมศักดิ์ บอก
แม้โครงการนี้จะมีลักษณะเป็นโครงการนำร่องเพื่อทดลองแนวทางใหม่ในการปลุกพลังเยาวชนให้ลุกขึ้นมามีส่วนร่วมกับชุมชน และรับผิดชอบความเป็นไปของบ้านเกิด แต่ในอนาคตย่อมไม่ปิดโอกาสของการต่อยอดเพื่อพัฒนาเยาวชนเหล่านี้สู่การเป็น “นักข่าว-นักเขียน” ประจำชุมชนหมู่บ้าน ตามแนวทางของ “นักข่าวพลเมือง” หรือ citizen reporter
“เยาวชนแต่ละพื้นที่ที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมโครงการบล็อกเกอร์ บอกได้เลยว่าอนาคตพวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการดูแลชุมชน คอยรายงานความคืบหน้าของการพัฒนา รายงานความสวยงามของพื้นที่ สภาพวิถีชีวิต รวมไปถึงปัญหาต่างๆ สิ่งนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการช่วยสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้มาก ผมเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ เชื่อระบบคิดของคนรุ่นใหม่” ชุมศักดิ์ กล่าว
“ทุกวันนี้เรากำลังทำสงครามทางความคิด ถ้าเด็กกลุ่มนี้มีปัญหา ระบบความคิดไม่แข็งแรงหรืออ่อนแอ ก็จะถูกชักจูงไปสู่ยาเสพติด สู่ปัญหาอื่นๆ มากมาย แต่ถ้าเราค่อยๆ ปลูกฝัง ค่อยๆ สอน ค่อยๆ ดูแลเยียวยาเขา ให้เขาแข็งแรงในทางความคิดก่อน ผมเชื่อว่าเยาวชนเหล่านี้จะเป็นพลังในการช่วยพื้นที่ให้กลับสู่สันติสุขได้ดังเดิม”
ในฐานะ “คนข่าว” ชุมศักดิ์ มองการทำงานของสื่อสารมวลชนที่มีผลต่อปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้อย่างน่าสนใจ
“ตลอด 5 ปีที่สถานการณ์ยังคุกรุ่นอยู่ ผมชื่นชมศูนย์ข่าวอิศราที่คอยนำเสนอข่าวเชิงบวก เป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่งนอกเหนือจากความรุนแรง แต่ต้องยอมรับความจริงว่าประเด็นที่เป็นอัตลักษณ์และความงดงามอีกมากมาย สื่ออื่นๆ ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมจึงอยากเห็นเรื่องราวเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านการร้อยเรียงของน้องๆ เยาวชนผ่านเว็บบล็อกด้วยเช่นกัน เพราะนี่คือการคลี่คลายปัญหา และเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ” บรรณาธิการนิตยสารหัวใจเดียวกัน ระบุ
ไฮไลท์สำคัญของค่ายนักข่าว-นักเขียนสายพันธุ์ใหม่ คือการลงพื้นที่บ้านต้นหยี ซึ่งเท่าที่สังเกตดู แม้แดดจะร้อนเปรี้ยงเพียงใด แต่ใบหน้าของทุกคนก็ยังเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข ทุกคนพยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปเขียนเรื่องราวในบล็อกของตนเอง
ขณะที่ วาตี มามุ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) บอกว่า แรกเริ่มเข้าใจว่าการทำเว็บบล็อกเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อมาเข้าอบรมทำให้รู้ว่าไม่ยากเลย ส่วนตัวตั้งใจจะเก็บเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอ และเขียนไว้ในเว็บบล็อกในลักษณะบันทึกความทรงจำ
“ผมอยากเขียนเล่าเรื่องราวแบบนี้มานานแล้ว แต่ทำไม่เป็น พอโครงการนี้เกิดขึ้น ยิ่งทำให้อยากนำเสนอเรื่องราวในแง่มุมที่หลากหลายขึ้น เพื่อให้หลายๆ คนได้รับรู้ พี่ๆ แต่ละคนที่มาถ่ายทอดความรู้ล้วนมีประสบการณ์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้ตระหนักว่า การจะเขียนเรื่องราวอะไรออกสู่สาธารณชน จะต้องมีเหตุผล มีความเป็นกลาง ไม่ควรเอนเอียงไปทางหนึ่งทางใด” วาตี กล่าว
อย่าลืมติดตามอ่านเรื่องราวของนักเขียนน้อยๆ เหล่านี้ในฐานะ "บล็อกเกอร์พันธุ์ใหม่" จากชายแดนใต้...



อ่านต่อ...

วันอาทิตย์, ตุลาคม 11, 2552

สุเทพควงกษิตลง3จว.ใต้

สุเทพควงกษิตลงจังหวัดชายแดนภาคใต้พรุ่งนี้มอบนโยบายผู้นำ4เสาหลัก
วันนี้(11ตุลาคม) นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน

ภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ( กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ร่วมกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมจัดทำประชาคมขับเคลื่อนการดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยกลไกสำคัญคือ ผู้นำ 4 เสาหลัก ได้แก่ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำตามธรรมชาติ และกรรมการหมู่บ้าน จำนวนกว่า 2,800 คน เพื่อให้เข้าใจบทบาทภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แนวคิด วิธีการปฏิบัติการตามแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กำหนดจัดขึ้น ในวันจันทร์ ที่ 12 ตุลาคม 2552 ณ หอประชุมศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มามอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานให้กับผู้นำ 4 เสาหลัก และมีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 18 ประเทศ ร่วมสังเกตการณ์ในโอกาสที่มาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
สำหรับบทบาท หน้าที่ ของผู้นำ 4 เสาหลัก คือการทำหน้าที่ขับเคลื่อนการจัดทำประชาคม การรับรองบัญชีรายชื่อครัวเรือน บัญชีความต้องการโดยเรียงลำดับการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 64,000 บาทต่อปี และกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ 64,000 – 120,000 บาทต่อปี เพื่อยกระดับรายได้ให้ไม่ตำกว่า 120,000 บาท ต่อปีต่อครัวเรือน โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จังหวัดปัตตานี 227 หมู่บ้าน จังหวัดยะลา 95 หมู่บ้าน จังหวัดนราธิวาส 229 หมู่บ้าน จังหวัดสงขลา 97 หมู่บ้าน และจังหวัดสตูล 74 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 722 หมู่บ้าน จำนวน 2,888 คน.

อ่านต่อ...

Our Blogger Templates Web Design

  © Blogger templates The Professional Template by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP