วันอังคาร, สิงหาคม 25, 2552

ชนชาติไทย มาแย่งดินแดนละว้า, มลายู ฯลฯ



ชนชาติไทย มาแย่งดินแดนละว้า, มลายู ฯลฯ
คอลัมน์ สยามประเทศไทย
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

ถ้าเชื่อตามบทเพลงดนตรีประวัติศาสตร์ ของ หลวงวิจิตรวาทการ (พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2482 ปีที่เปลี่ยนชื่อสยามเป็นประเทศไทย) ชนชาติไทยถอยหนีจากน่านเจ้าลงทางใต้เข้าถึงดินแดนละว้า, มลายู, ขอม, เขมร ฯลฯ แล้วต้องเป็นข้าทาสของขอม จนถึง พ.ศ.1800 ถึงได้ "ตีขอม" แล้วตั้ง "นครสุโขทัย" ขึ้น ดังบทเพลงดนตรีมีดังต่อไปนี้


พวกไทยน้อยเมื่อถอยจากน่านเจ้า ก็เดินเข้าเขตต์สุวรรณภูมิใหญ่
ตั้งเป็นถิ่นหลักฐานกันต่อไป ชื่อสิบสองจุไทยทางเบื้องบน
การเคลื่อนที่ของไทยไม่หยุดยั้ง เหมือนน้ำหลั่งไหลท่วมทุกแห่งหน
ไหลเข้าแดนขอมละว้ามาปะปน กล้าประจนสู้ภัยได้เขตต์ครอง
ชั่วเวลาราวห้าหกร้อยปี ไทยทวีเพิ่มเข้าเป็นเจ้าของ
เขตต์สุวรรณภูมิใหญ่ไทยเข้าครอง เหมือนน้ำนองท่วมทั่วทุกตำบล
แดนเขมรแดนละว้ามะลายู ไทยเข้าอยู่กำกับไม่สับสน
เลือดของไทยหลั่งไหลเหมือนสายชล เข้าปะปนเปลี่ยนเลือดละว้าเดิม
เลือดของไทยเข้าไปปนเขมร ทำให้เด่นเกียรติไทยได้ส่งเสริม
เลือดเขมรปนไทยไกลจากเดิม ไทยยิ่งเพิ่มเขมรกลายเป็นไทยแท้
สมัยเดียวกับพระอโนรธา ขุนบรมไทยกล้าอำนาจแผ่
ตั้งอาณาจักร์ใหม่ของไทยแท้ ชื่อลานช้างตั้งแต่ครั้งกระนั้น
เวลาล่วงมาได้อีกไม่ช้า ก็มีแคว้นลานนาขึ้นตั้งมั่น
เชียงแสนหลวงรุ่งเรืองเมืองสำคัญ หลักไทยมั่นรวมกำลังตั้งนครเริ่มสมัยสุโขทัย
ไทยข้างใต้ยังอยู่ในอำนาจขอม เราต้องยอมเป็นข้าเขาไปก่อน
ถึงปีพันแปดร้อยไทยน้อยจร เข้าตีขอมตั้งนครสุโขทัย
อันนามเดิมที่กระเดื่องของเมืองนี้ ชื่อ "สยามธานี" เป็นเมืองใหญ่
ครั้นเปลี่ยนนามมาเป็นกรุงสุโขทัย ชื่อ "สยาม" หายไปจากถิ่นเรา
เนื้อความในบทเพลงของหลวงวิจิตรฯ แสดงว่าดินแดนประเทศไทยทุกวันนี้มีเจ้าของเดิมตั้งแต่ดึกดำบรรพ์คือ ละว้า, มลายู, ขอม, เขมร, ฯลฯ (พวกชาตินิยมพยายามจะบอกว่าขอมกับเขมรเป็นคนละพวก) ชนชาติไทยไม่ใช่เจ้าของเดิม แต่เป็นพวกหนีลงมาจากทางเหนือ แล้วแย่งดินแดนของเจ้าของเดิมมาเป็นของตัวสืบจนทุกวันนี้
แนวคิดของหลวงวิจิตรฯคือต้นแบบประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยที่ใช้สืบต่อมานานตราบจนทุกวันนี้ มีใช้เป็นตำราในกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวัฒนธรรม แต่พากันแกล้งลืมสิ่งที่หลวงวิจิตรฯบอกไว้ว่าชนชาติไทยมาแย่งดินแดนของเจ้าของเดิม เช่น มลายู ฯลฯ
คำถามมีว่าสังคมไทยปัจจุบันและอนาคตจะเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเอง อย่างหลวงวิจิตรฯ หรืออย่างอื่นที่ต่างจากหลวงวิจิตรฯ โดยมีพยานหลักฐานยืนยันหลากหลายว่าบริเวณประเทศไทยเป็นของ "ประชาชาติ" หรือ "นานาชาติพันธุ์สุวรรณภูมิ" มาแต่ดึกดำบรรพ์ไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว คนไทยและความเป็นไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของประชาชาติหรือนานาชาติพันธุ์สุวรรณภูมินั่นเอง

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ,  25 สิงหาคม 2552 เวลา 23:42  

...การดำรงค์ไว้ของทุกชนเผ่าเป็นเรื่องดี และความภาคภูมิใจ แต่ถ้าทุกชนเผ่าในโลก มีความพยายามที่จะดำรงค์ชนเผ่า ด้วยการเข่นฆ่ากันเพื่อความยิ่งใหญ่ของชนเผ่าตัวเอง ตามความต้องการของตนเอง ...โลกใบนี้คงต้องลุกเป็นไฟ
...คงต้องย้อนกลับไปดูตนเองก่อนว่า ...ความล้าหลัง และความคิดที่ว่า ตนเองถูกกดขี่นั้น ..ปัจจัยหลัก ๆ เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือ การกดขี่กันเอง ภายในพวกเดียวกัน.

ไม่ระบุชื่อ,  26 สิงหาคม 2552 เวลา 17:42  

การเขียนประวัติศาสตร์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเป็นกลุ่ม (ความสามัคคี) ด้วยการความสร้างภูมิใจในเป็นคนกลุ่มชนนั้น ๆ ร่วมกัน ประวัติศาสตร์มีทั้งแง่ของความขมขื่น(ขัดแย้ง)ซึ่งล่อแหลมต่อความแยกแยกของคนในชาติ (ปัจจุบันและอนาคต) และในแง่ของความสร้างสรร เช่นปัตตานีเคยเป็นแหล่งเผยแพร่ศาสนาอิสลามหลักในภูมิภาคนี้จนได้รับการขานนามว่า"ระเบียงของเม็กกะ " เราทำไมไม่อาศัยจุดแข็งเช่นว่านี้ไปสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนของชาติเราให้เร่งพัฒนา(ศึกษา)ให้เป็นนักการศาสนาที่ใคร ๆ ก็ยอมรับ หรือสร้างโอกาสทางด้านการศึกษาเพื่อโอกาสในการมีงานที่มั่นคง (ญีฮาดในการเลี้ยงชีพ)
หากจมอยู่กับอดีต(ความคิด)มากเกินไป มันจะเสียเวลาและพลังความคิดที่จะสร้างสรรสิ่งดี ๆ ให้เกิดกับคนของชาติเราทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
จาก....เทียนนำ....

ไม่ระบุชื่อ,  26 สิงหาคม 2552 เวลา 19:48  

แบบนี้มีด้วยหรอ ไม่รู้มาก่อนเลยนะ
ทำไมไม่เคยเห็นเขียนในประวัติศาสร์ไทยเลยอ่ะ
ตอนที่เรียนมาไม่เคยเจอ
ถ้าอย่างงี้จริงอ่ะนะแย่มากเลยอ่ะ
น่าจะมีเขียนและเปิดกว้างตามความจริง
ไม่ใช่จะมาปดปิดประวัติศาสร์ของตนเอง
ไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เราขึ้นชื่อเป็นคนไทย
และได้รู้ที่มาของเราด้วย
น่าจะเปิดกว้างนะ
เราคนไทย ยอมรับจริงได้อยู่แล้ว

Our Blogger Templates Web Design

  © Blogger templates The Professional Template by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP