วันเสาร์, กันยายน 26, 2552

ภาคประชาสังคมโวยรัฐให้ข่าวทำผู้ถูกกล่าวหาเสื่อมเสีย

ด้านความคืบหน้ากรณีมีข่าวจากหน่วยงานรัฐในพื้นที่ ระบุว่า นายมุสะตอปากามา สาและ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 7 บ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ยอมเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อตำรวจ หลังถูกกดดันจากปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่นั้น ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ทนายความมุสลิม ได้ออกแถลงการณ์ตำหนิการให้ข่าวที่คลาดเคลื่อนของฝ่ายรัฐ
ทั้งนี้ องค์กรภาคประชาสังคม 2 องค์กรดังกล่าว ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การเผยแพร่ข่าวทางสื่อแขนงต่างๆ เกี่ยวกับการมอบตัว ได้สร้างความเสียหายให้กับ นายมุสะตอปากามา เพราะต้นสายปลายเหตุของเรื่องเกิดจาก นายมุสะตอปากามา เข้าร้องเรียนกับทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ทนายความมุสลิม เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ว่าได้รับหนังสือจาก สภ.โคกโพธิ์ ให้เข้ามอบตัวสู้คดี ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ทราบมาก่อนว่าถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคง
ต่อมา ตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและศูนย์ทนายความมุสลิมได้นำ นายมสะตอปากามา เข้าพบเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 กระทั่งได้ข้อสรุปจากการหารือร่วมกันว่า ขอให้ นายมุสะตอปากามา ไปให้ข้อมูลยังค่ายทหารแห่งหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน และจะดำเนินการประสานเรื่องให้ประกันตัวที่ สภ.โคกโพธิ์
วันที่ 16 ก.ย. ญาติของนายมุสะตอปากามา แจ้งว่าจะได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและศูนย์ทนายความมุสลิมได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้จัดแถลงข่าว เพราะเกรงว่าข้อมูลที่ปรากฏทางสื่อจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และอาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งทำให้การทำงานขององค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ต่อการมอบตัวของผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกต่อไป ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันจากหน่วยงานความมั่นคงว่าจะไม่มีการแถลงข่าวใดๆ
ทว่าสุดท้ายก็มีข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆ ในทำนองว่า "แกนนำโจรใต้ถูกกดดันอย่างหนัก โร่มอบตัวที่ปัตตานี" ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว นายมุสะตอปากามา ไม่เคยทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับ และได้ประกอบอาชีพเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามาตลอด ไม่เคยหลบหนีการจับกุม อีกทั้งยังพบว่าข้อมูลในการออกหมายจับเป็นเพียงคำซัดทอดของผู้ถูกกล่าวหาอีกรายหนึ่งเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวได้สร้างความไม่ใไว้วางใจระหว่างประชาชนในพื้นที่กับรัฐมากยิ่งขึ้น
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ทนายความมุสลิม จึงขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเคารพต่อการตัดสินใจของผู้ถูกกล่าวหาในคดีความมั่นคงที่ประสงค์จะมอบตัวสู้คดี โดยให้ความมั่นใจว่าเจ้าพนักงานของรัฐในทุกภาคส่วนจะให้ความเป็นธรรม อำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุด และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่เอารัดเอาเปรียบกันในเชิงการให้ข่าวสารและการกล่าวหาสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่บุคคลหรือชุมชนโดยผ่านสื่อมวลชนแขนงใดๆ ทั้งนี้เพื่อให้แนวทางสันติวิธีและแนวทางกฎหมายยังคงเป็นทางเลือกลำดับแรกของผู้ถูกกล่าวหาคดีความมั่นคงแทนการหลบหนี

อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดี, กันยายน 17, 2552

การเมืองนำการทหาร แค่น้ำลายดับไฟใต้‏

 


"วันนี้...สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ แนวโน้มรุนแรงขึ้นและมีความเสียหายมากขึ้นด้วย"

อาจารย์อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง ให้ทัศนะในฐานะนักวิชาการอิสระที่จับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มายาวนาน

อาจารย์อัฮหมัด สมบูรณ์ บอกว่า ทหารพราน 5 ศพ...ถูกยิงในฐาน เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง...จะเห็นว่านับตั้งแต่เหตุยิงชาวบ้านที่กำลังละหมาดในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ต่อเนื่องมาถึงวันนี้...เทรนด์ความไม่สงบยิ่งแรงขึ้น
    


"ชี้อะไรได้หลายอย่าง...โดยเฉพาะความอ่อนแอกลไกภาครัฐ"เรื่องการข่าว ยังต้องพูดเหมือนเดิมว่า ไม่เป็นเอกภาพ ถัดมาก็เป็นเรื่องของความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย



"มุมมองชาวบ้าน...มองว่าเป็นการกระทำของกลไกส่วนหนึ่งที่รับรู้เรื่อง รับรู้ดี ขนาดเจ้าหน้าที่บางหน่วยเองยังรู้ดีขนาดที่ว่า...ใครเป็นคนทำ แต่ไม่สามารถบอกความจริงให้ประชาชนในภาพกว้างรับรู้ได้"
ลักษณะปัญหาไม่ได้เหมือนเดิม หรือวนอยู่ที่เดิม แต่กรณีปัญหาสะสมมากกว่าเดิม

"ปัญหาเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา บอกไม่ได้ว่ากรณีไหนบ้างที่เป็นการกระทำที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ที่สืบได้...สอบสวนได้...ทำโทษให้ชัดเจน"
เมื่อไม่มีอะไรชัด ก็ไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้

กรณีรุนแรงที่สุด ยิงในมัสยิดฯค่อนข้างรู้ชัดว่าใครเป็นคนทำ...ใช้ปืนที่ไหน แต่ชาวบ้านได้ข่าวกระเซ็นมาว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ...ทหาร...ตำรวจ ก็ยังขัดแย้งกันเอง
ทั้งขัดแย้งทางความคิด ขัดแย้งในการปฏิบัติ

"ความคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว...ในการที่จะดูแลความปลอดภัยของประชาชน ตำรวจทำหน้าที่อย่างเดียว เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ไปตรวจที่เกิดเหตุ ในแง่การป้องกันแทบจะโยนให้ทหารไปทั้งหมด...
ทหารเองก็มีหลายหน่วย บางหน่วยถูกปลูกฝัง...ฝังมุมมองอะไรบางอย่าง มองเรื่องกระบวนการแก้ไขในสภาวะสงครามไปอีกแบบหนึ่ง

ต้องการให้เด็ดขาดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มองว่ากระบวนการภาคประชาชนโตวันโตคืน ในแง่ของข้อมูลข่าวสาร ที่ตามมาคือความรู้สึกที่บอกว่า เอ๊ะ...รัฐทำไมไม่ชี้วัด การกระทำแต่ละอย่างให้ชัดเจนเสียที..."

สถิติที่คุยกันในวงกาแฟ ในพื้นที่มีคดีเกิดขึ้น 50,000 คดี แต่เป็นคดีความมั่นคง 6,000 กว่าคดีเท่านั้น
เหตุยิงในมัสยิดไอปาแย ในหัวใจชาวบ้านค่อนข้างโน้มเอียงไปว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่สายเหยี่ยว เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่เองก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็รู้ดีว่าคนที่ถูกออกหมายจับอยู่หรือไม่อยู่ รวมไปถึงผู้ร่วมกระทำอีก 3-4 คน ที่ถูกปกปิดเอาไว้

"รัฐบอกว่าเป็นแค่คนคนเดียวทำ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ...ความจริงของชาวบ้าน กับความจริงของรัฐ มันไม่เหมือนกัน"

ร่ำลือกันว่ามีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ถูกออกหมายจับเป็นอดีต อส.ทหารพราน แล้วอีก 3-4 คน ที่ไม่ออกหมายจับ...ตำรวจก็พยายามกดดันให้ออกหมายจับ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม

"ข่าวลือในพื้นที่เป็นอย่างนี้ แต่เท็จจริงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ได้ ยิ่งทวีความคลุมเครือในการที่รัฐจัดการสิ่งที่ชัดเจนไม่ได้" อาจารย์อัฮหมัด สมบูรณ์ ว่า

ปัญหามีว่า...กรณีไอปาแยสะเทือนไปทั่วโลก ตุรกี เยอรมนีก็มีการประท้วง ถึงวันนี้...รัฐจะต้องไม่พึ่งข้อมูลไร้สาระจากพื้นที่มากนัก อาจจะต้องมีองค์กรต่างหากที่ลงไปดู...หาความจริง แสดงความจริงให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ทราบ

การแก้ปัญหาระดับนโยบายการเมืองยังนำการทหาร แต่ในความเป็นจริง

สิ่งที่เห็นเกิดเป็นรูปธรรมที่ว่า...การเมืองนำการทหารเป็นการพูดแบบใช้บาลีมากกว่า

"การเมืองตรงนี้เป็นการเมืองที่ทหารนำ...แล้วทหารจะบอกว่า ผมลงมาเพราะการเมืองเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"

ทัศนะส่วนตัว อาจารย์อัฮหมัด สมบูรณ์ มองว่า รัฐบาลเองตอนเป็นฝ่ายค้านมีข้อมูลดี แต่พอเป็นฝ่ายรัฐบาลก็ยังลังเลอยู่เหมือนเดิม

"ช่วงที่ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เราวาดหวังกันว่า...อยากจะเห็นการแก้ไขปัญหาในรูปแบบที่ประชาธิปัตย์นำเสนอ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นอกจากการลงพื้นที่ของคุณสุเทพ คุณถาวร คุณอนุพงษ์ บ่อยๆ"

สุ้มเสียงชาวบ้านที่มีต่อรัฐบาลนี้...ไม่ต่างอะไรกับยุคก่อนที่ว่าประชาธิปัตย์เล่นการเมืองอย่างเดียว แต่ในแง่การปฏิบัติต้องปรับเปลี่ยนอีกเยอะ

ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ความกล้าที่จะเสี่ยงในการตัดสินใจดูไม่ค่อยเข้มแข็งสักเท่าไหร่ เหตุการณ์จังหวัดชายแดนใต้ ถ้ายังเป็นอย่างนี้...ไม่พยายามหักดิบ คิดว่าไปไกลแน่

"หักดิบ...ต้องกล้าที่จะหักมุมในการที่จะแก้ไขชัดเจน สมมติว่าจะให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจมากขึ้นก็ว่ากันไป หรือจะให้ฝ่ายตำรวจซึ่งจะต้องดูแลในเรื่องความปลอดภัยในเมืองก็ว่ากันไป...ไม่ใช่ว่าทหารพลุกพล่านไปหมด แต่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยได้"

"ชาวบ้านเคยได้ยินนายทหารบางนายพูดว่า ผมดูแลถนนสายหลัก ถนนสายย่อยดูแลไม่ได้เพราะกำลังไม่พอ แสดงว่ากำลังหลัก ที่เดินลาดตระเวนบนถนนสายหลักก็แก้ปัญหาไม่ได้"

สร้างรั้วบังเกอร์แน่นหนา ไม่ได้ป้องกันความปลอดภัยให้กับประชาชน แต่ป้องกันเจ้าหน้าที่มากกว่า...

เหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวัน...ต้นประเด็นปัญหาเป็นสิ่งที่ต้องเน้นย้ำ ต้องยอมรับว่ามีคนไม่น้อยที่คิดกันว่า...ปัญหามาจากขุมเงินอดีตนายกฯส่งมาป่วนใต้?

"ถ้าจะทำ...ก็ทำเฉพาะเรื่องการเมืองในกรุงเทพฯ การเมืองท้องถิ่นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คงมาเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อย..."

เรื่องหลัก ยังเป็นการบริหารจัดการ กลไกรัฐที่ดูแลความมั่นคง

วันนี้ทหารค่อนข้างจะมีอำนาจมากเกินไป ทำให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจต้องง่อยเปลี้ย...อ่อนแรงลง กลไกตำรวจ ฝ่ายปกครองมีถึงระดับหมู่บ้าน ตำบล ย่อยลงไปถึงกลุ่มหมู่บ้านเล็กๆ แต่กลไกทางทหารไม่มี กำลังพลจำนวนไม่น้อยก็มาจากต่างพื้นที่

"ความต่างมากมายเกิดขึ้น คิดถึงแต่จะแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ คิดแบบโบราณ เมื่อ 20-30 ปี...ไม่น่าจะใช่ทางแก้ปัญหาที่ดี"

อาจารย์อัฮหมัด สมบูรณ์ ย้ำว่า มวลชนทหารทำ เรื่องอาชีพทหารทำ เรื่องสิ่งแวดล้อมทหารก็ทำ แล้วเจ้าหน้าที่ปกติล่ะไปอยู่ที่ไหน ที่ควรจะเป็นต้องใช้ กลไกส่วนนี้ให้เป็นประโยชน์ในการคลี่ปมปัญหา

"ทหารก็บอกว่า...เจ้าหน้าที่ไม่กล้าลงพื้นที่ ก็ต้องถามว่าจริงหรือ? หรือว่าเป็นข้ออ้าง เพื่อให้เห็นแต่ภาพความหวาดกลัว ความหวาดผวา"

อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องมีประโยชน์ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มนี้รู้จักคน รู้จักพื้นที่ดีอยู่แล้ว ทว่า...เหตุการณ์เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่หลบชิดซ้าย ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เกิดมานานแล้ว ตั้งแต่ยุครัฐบาลนายกฯทักษิณ...

ผ่านมาถึงวันนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้น น่าจะชี้ชัดแล้วว่าแก้ปัญหาไม่ได้

"มูลเหตุหลักของปัญหา...ยังมาจากความเจ็บแค้น รัฐบาลไม่สามารถส่งสัญญาณดีๆในเรื่องของความเป็นธรรม การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

วันแต่ละวันที่เกิดขึ้นมีข้อสงสัยตลอด ใครทำกันแน่? ประชาชนก็ว่าทหารทำ...ตำรวจทำ ขณะเดียวกัน ทหารเองก็พยายามที่จะบอกว่า...กลุ่มขบวนการเป็นคนทำ"

จริงๆแล้วการแก้ไขปัญหา ถ้ายังวนอยู่ในอ่างอย่างนี้ มันแก้ไม่ได้หรอก การทำสงครามความคิด ทหารไม่ได้คิดเลย ตำรวจก็ไม่ได้คิดเลย...คิดเรื่องกำลัง ติดอาวุธอย่างเดียว

"แนวทางแก้ไขปัญหา เป็นการทำสงครามความคิดเหมือนสมัยคอมมิวนิสต์ แต่จะหนักกว่า เพราะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องอื่นๆอยู่ด้วย...ดินแดน ศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อ อัตลักษณ์ ที่ฝังลึกจนเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์"

ท่ามกลางสุญญากาศระหว่างรัฐ...ประชาชน กลุ่มอิทธิพล กลุ่มของเถื่อน ยาเสพติด ธุรกิจมืด ก็เข้ามาผสมโรงแสวงประโยชน์ใช้เป็นช่องทางขยายงาน ขยายอิทธิพล

"ที่น่ากังวล...ทหารยิ่งอยู่นาน การสร้างอิทธิพลระดับพื้นที่ก็จะมีมากขึ้น หรือบางทีไม่แน่ว่า อาจเป็นเพราะกลไกรัฐที่ไม่ชอบทหารมีมากขึ้น หรือบางทีอาจเป็นเพราะกลไกที่ไม่ชอบทหารเป็นฝ่ายสร้างเองก็เป็นได้..."

ขณะที่รัฐเร่งโหมงบประมาณ ทุ่มกำลังพลลงไปดับไฟใต้ อีกมุมหนึ่งก็เหมือนเติมเชื้อไฟให้ยิ่งโหม...ทางออกที่เหมาะสมจะเป็นอย่างไร รัฐบาลประชาธิปัตย์ ผู้รู้ตื้นลึกหนาบางน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

อ่านต่อ...

วันจันทร์, กันยายน 14, 2552

เรือเหาะดับไฟใต้ ใคร?ลับลวงพราง‏

สถานการณ์รุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงโดยง่าย กลุ่มผู้ก่อการยังคงเคลื่อนไหว ก่อเหตุ ได้ต่อเนื่อง สวนกระแสงบประมาณ...กำลังพลที่รัฐทุ่มลงไป
"เรือเหาะติดกล้อง" สนนราคา 350 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งความหวัง

ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณกลางปี 2552 รายการกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เสนอจำนวน 350 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดหาระบบเรือเหาะ พร้อมกล้องตรวจการณ์ทั้งกลางวัน กลางคืน
ด้วยเหตุผลสำคัญ...ยังขาดยุทโธปกรณ์ตรวจการณ์อากาศ เพื่อปรับกลยุทธ์ ให้ทันต่อเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบบเรือเหาะเป็นเรือบอลลูนตรวจการณ์บนอากาศ จัดซื้อจากสหรัฐฯ แยกย่อยเฉพาะตัวเรือบอลลูน 260 ล้านบาท...ตัวกล้องส่องกลางวัน กลางคืน 2 ตัว 70 ล้านบาท...งบฯที่เหลือ 20 ล้าน ใช้จัดซื้ออุปกรณ์สื่อสารภาคพื้น สมรรถนะการลอยหรือบินอยู่ในอากาศ บินได้สูงพ้นรัศมีทำการของปืนเอ็ม 16 ข้อมูลเรือเหาะที่เห็นเป็นข่าว...ผ่านมาถึงวันนี้ถือว่าน้อยพอดู ที่ผ่านมาหลายฝ่ายจึงกังวลว่าจะสามารถใช้งานได้เหมาะสมกับพื้นที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ ที่น่าสังเกต ฝ่ายความมั่นคงโดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงมาตลอดว่า สถิติการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ลดลง และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับที่น่าพอใจประกอบกับการทุ่มกำลังพลเพิ่มกว่า 6,000 นาย เข้าไปปฏิบัติการในหมู่บ้านสีแดง 217 หมู่บ้านในสามจังหวัด ภายใต้โครงการ "หมู่บ้านเสริมสร้าง สันติสุข" หรือ "หมู่บ้าน 3 ส." ตามยุทธศาสตร์เอาชนะที่หมู่บ้าน... เมื่อกำลังทหารมีอยู่ในหมู่บ้านสีแดงทุกแห่งแล้ว ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงมีคำถามตามมา จำเป็นแค่ไหน ที่ต้องซื้อเรือเหาะเพื่อเอกซเรย์พื้นที่
"ยุทธการกลุ่มก่อความไม่สงบใช้วิธีก่อการร้ายในเมือง ไม่ทราบว่า...การใช้เรือเหาะจะป้องกันการก่อเหตุรุนแรงได้ตรงไหน..." แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตั้งข้อสังเกต "หากจะอ้างว่าใช้เพื่อป้องปรามการรวมตัวของบรรดาแนวร่วม ค้นหาแหล่งฝึก ก็ยังมีคำถามตามมา เรื่องประสิทธิผลของเรือเหาะอยู่ดี..." จุดเด่นของกลุ่มก่อความไม่สงบ คือเคลื่อนที่เร็ว หากจับภาพการรวมตัวประชุมกันของบรรดาแนวร่วมได้...จะไล่จับทันไหม ที่เกิดขึ้น...กลุ่มผู้ไม่หวังดีแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน ชุมชน ปะปนกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้จัดตั้งเป็นกองกำลังที่มีฐานปฏิบัติการชัดเจนเพื่อต่อสู้ กับเจ้าหน้าที่รัฐ
"ที่ผ่านมา...ขนาดเจ้าหน้าที่เดินสวนกันในตลาด ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนร้าย แล้วการใช้เรือเหาะขึ้นไปถ่ายภาพจะมีประโยชน์อะไร" ข้อกังวลสำคัญ เทคโนโลยีเรือเหาะตรวจการณ์ใช้มาตั้งแต่สงคราม โลกครั้งที่ 1 ไม่แน่ใจว่าจะมีประสิทธิภาพเท่าทันกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบันหรือไม่
"ที่ว่า...เรือเหาะเป็นเทคโนโลยีตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ล้าสมัย เป็นการพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว...ต้องการดิสเครดิต ปัจจุบันหลายประเทศก็ใช้ อย่างทุกวันนี้...กองทัพสหรัฐฯก็ใช้เรือเหาะติดตามกลุ่มผู้ก่อการร้ายในอิรัก อัฟกานิสถาน" ผู้สันทัดกรณีสายพิราบ เชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารทั้งในและนอกประเทศ ยืนยันเรือเหาะมีข้อดีคือประหยัด ลอยเอื่อยๆ ได้นานๆ โอกาสตกน้อยกว่าพวกที่ใช้ใบพัดหรือไอพ่น
เรือเหาะในปัจจุบันมักใช้ในการรวบรวมข่าวกรอง ติดตามสังเกตการณ์ได้ในเวลานานๆ และบินได้นานกว่า UAV หรืออากาศยานไร้คนขับค่อนข้างมาก... มีกล้องถ่ายภาพกลางวัน และกล้องอินฟาเรดถ่ายภาพกลางคืน แล้วส่งข้อมูลเข้าสู่สถานีภาคพื้นดินด้วยเพดานบินสูงเป็นหมื่นๆ ฟุต...ปืน M16...อาก้า หรือจรวดต่อสู้อากาศยานแบบประทับบ่าก็ไม่น่าจะยิงโดน เพราะเรือเหาะแผ่รังสีความร้อนต่ำ ระบบจรวดตรวจจับไม่ได้ ที่คิดกันว่า RPG จะยิงตก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีระบบนำวิถี สืบค้นข้อมูลเรือเหาะสายพันธุ์สหรัฐฯ จับตาไปที่รุ่น...Aeros 40 D Sky Dragon ทำการบินครั้งแรกในปี 2551 ได้ใบรับรองจาก FAA สหรัฐฯ กองทัพบกไทยน่าจะเป็นลูกค้าที่เป็นกองทัพรายแรกๆ ของ Sky Dargon
เว็บไซต์บริษัทผู้ผลิต ระบุว่า ลูกค้าที่ต้องการจัดหาไปใช้ในการลาดตระเวน สามารถใช้ประโยชน์จากความเงียบ และการที่เรดาร์ตรวจจับตัวเรือเหาะได้ยาก เนื่องจากตัวเรือทำจากผ้าใบ มีระบบสื่อสารที่สื่อสารกับหน่วยข้างเคียง เช่น เฮลิคอปเตอร์ เรือรบ หรือหน่วยภาคพื้นดินได้หลายหน่วย ด้วยการส่งข้อมูลในเวลาจริง (Real time) Sky Dargon ลำนี้ ตามสเปก...มีความยาว 46.6 เมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 82 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูง...สูงสุดที่ปฏิบัติการได้คือ 3,048 เมตร หรือ 10,000 ฟุต...อยู่บนอากาศได้นานที่สุด 24 ชั่วโมง ถ้าบินเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด มีพิสัยปฏิบัติการ 563 กิโลเมตร ระยะเวลาบิน 6.5 ชั่วโมง ตัวเรือเหาะใช้เครื่องยนต์ Continental IO-240 B มีใบพัดแบบ 3 กลีบ 2 ชุด ที่ออกแบบมาให้ลดเสียงดัง Aeros 40 D Sky Dragon ทำการบินด้วยนักบินคนเดียวได้ และมีห้องโดยสารที่จุผู้โดยสารได้ 4-5 คน
ทรรศนะส่วนตัวผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารสายพิราบคนนี้ บอกตรงๆว่า...ยังไม่มั่นใจ การใช้เรือเหาะจะเป็นไอเดียที่ดีหรือเปล่า ภูมิประเทศสาม จังหวัดชายแดนใต้เป็นป่าทึบ แตกต่างจากตะวันออกกลางที่เป็นทะเลทราย...เปิดโล่ง ผนวกกับการก่อเหตุในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็แตกต่างกับในตะวันออกกลาง...ภาคใต้เป็นลักษณะของทหารบ้าน ไม่ได้รวมกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่ตามฐานทัพที่เป็นหลักแหล่ง ลักษณะการก่อเหตุเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่นาที หรือเกิดด้วยกลุ่มคนขนาดเล็ก ซุ่มโจมตี ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นาน
"การก่อเหตุพื้นที่ในเมืองมักเป็นการวางระเบิด คนทำอาจแค่คน...สองคน ที่แทบจะแยกไม่ออกจากระบบตรวจการณ์ว่า คนไหนคือมือระเบิด ถ้าไม่มีการข่าวรองรับ" รายงานการปฏิบัติการกองทัพอากาศ วางกำลังในสามจังหวัดชายแดนใต้...กองกำลังเฉพาะกิจที่ 9 ระบุว่า หน่วยที่ร้องขอเที่ยวบิน ส่วนใหญ่จะขอเที่ยวบินในการถ่ายภาพ โดยเฉพาะเวลากลางคืน ปี 51 ปฏิบัติภารกิจถ่ายภาพเวลากลางคืนด้วยกล้องอินฟาเรด (FLIR) 77 เที่ยวบิน คิดเป็น 126.7 ชั่วโมงบิน...ปฏิบัติภารกิจถ่ายภาพในเวลากลางวันโดยใช้กล้องดิจิตอล 33 เที่ยวบิน คิดเป็น 48.6 ชั่วโมงบิน
แม้ว่าตัวเรือเหาะจะมีระบบตรวจจับที่ดีทั้งกลางวัน...กลางคืน ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการตรวจการณ์ที่ทำกันอยู่เพิ่มขึ้นมากแค่ไหน คุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ ที่ไม่เข้าใจ และเป็นคำถามคาใจ ทำไม? กองทัพบกจึงเลือกระบบเรือเหาะที่มีคนขับ แทนที่จะเป็นระบบไร้คนขับ? "การใช้ระบบที่มีคน ก็ต้องเอาข้อจำกัดของคนใส่เข้าไปด้วย คนต้องกินข้าว ต้องเข้าห้องน้ำ มีเหนื่อยล้า...จะทำให้ระยะเวลาที่จะปฏิบัติการในอากาศลดลงจาก 24 ชั่วโมง" ก็ได้แต่หวังว่า...เหตุผลสำคัญที่ไม่ใช้ระบบบินอัตโนมัติ ไร้คนขับ UAV คงไม่ใช่...เพื่อลดค่าใช้จ่ายการจัดซื้อให้ต่ำลงมากที่สุด เท่าที่ติดตามข้อมูลต่อเนื่อง...หากเรือเหาะลำที่กองทัพบกรับมอบมีเลขทะเบียนการผลิต (Manufacturing Serial Number : MSN) เป็น "21" ตามที่ปรากฏอยู่ตรงแพนหางด้านท้าย ถ่ายโดยคุณ MoonZz โพสต์ไว้ในเว็บ Thaiflight.com เป็นไปได้ที่เรือเหาะนัมเบอร์ "21"...จะเป็นลำต้นแบบ ลำเดียวกับที่บริษัทผลิตเอาไว้ทดสอบ ให้ FAA ประเมิน..." ซื้อเรือเหาะลำต้นแบบแล้วถูกกว่าราคาจริง...ก็ถือว่าไม่หนักหนา เพราะในโลกนี้ ก็มีคนซื้อเครื่องต้นแบบก่อนผลิตจริงมาบินกันอยู่หลายกองทัพ หรือหลายสายการบินทั้งทหาร...พลเรือน" แต่ถ้าซื้อราคาเท่ากับปกติหรือแพงกว่าปกติ ก็ต้องมองไกลไปว่า กองทัพ...ลับ ลวง พราง จัดซื้อเรือเหาะ 350 ล้านลำนี้.

อ่านต่อ...

วันเสาร์, กันยายน 05, 2552

คืนที่โศกเศร้าแห่งเดือนประเสริฐ

รอมฎอน ที่ปะเสยาวอ คืนเศร้าหลังตราเวียะห์
วันจันทร์ ที่ 24 สิงหาคม 2552

ปัญญาชนคนข่าว การสูญเสียจากความรุนแรงด้วยน้ำมือของมนุษย์ในเดือนรอมฎอน เดือนแห่งความอดทน เดือนแห่งการรับบททดสอบ เดือนแห่งประเสริฐยิ่งสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ยังคงปรากฏขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ครั้งนี้ชาวบ้าน 3 คน บาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ตกเป็นเหยื่อ

เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2552 เกิดเหตุการณ์ กราดยิงชาวบ้านที่บ้านปาตาบารัต ม.1 ต.ปะเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี หลังจากชาวบ้านเสร็จจากการละหมาดตารอแวะห์(ละหมาดที่มีเฉพาะกลางคืนในเดือนรอมฎอน) เกิดเหตุการณ์ขึ้นในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายทะเล มีถนนเข้าออกทางเดียว จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า มีทหารพราน ชุด อส.ทพ.จากกรมทหารพราน ที่ 44 จำนวน 6 นาย เข้ามาลาดตระเวนในหมู่บ้าน โดยใช้รถกระบะ Isuzu Dmax cab บว 9345 สงขลา สีบรอนซ์ แล้วไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นทั้งเยาวชนและชายวัยกลางคนกำลังพูดคุย มั่วสุมยาเสพติด 6 คน (ตามการสอบถาม) จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ทางกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ 2 คน เดินลาดตระเวน เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุด แต่ทางกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวกลับวิ่งหนีต่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงจุดพลุเพื่อให้เห็นคนที่กำลังวิ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วก็กราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนี ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 3 คน สาหัส 1 คน มีรายชื่อดังนี้
1. นายมาหามะสาเระ เจ๊ะเยะ อายุ 19 ปี
2. นายรอซาลี โต๊ะดี อายุ 41 ปี
3. นายนิมะ เจ๊ะเตะ ซึ่งนายนิมะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปัตตานี เพราะกระสุนโดน
จุดสำคัญ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 44 ก็ออกมาเพื่อจะขึ้นรถที่จอดไว้บนถนนในหมู่บ้านข้างมัสยิด ซึ่งมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ในระหว่างนั้นก็มีกำนัน ต.ปะเสยาวอ ออกมาเจรจา เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานเห็นกำนัน ก็ได้เอาปืน M16 จ่อไปที่กำนัน จากนั้นกำนันก็แนะนำตัวและเจรจากับเจ้าหน้าที่ทหารพราน จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานยอมวางอาวุธลง หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานก็ได้เล่าเรื่องให้กับกำนันและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายทหารพรานบอกว่าเกิดการปะทะกันกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ชายทะเลดังกล่าว จากนั้นกำนันจึงประสานไปยังปลัดและนายอำเภอสายบุรี ทางกำนันจึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าไปในมัสยิด โดยมีชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยความโกรธ จำนวนประมาณ 100 คน เมื่อทางชาวบ้านจะถ่ายรูป ทางทหารพรานก็นำปืนไปจ่อที่ชาวบ้านหวังข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านถ่ายรูป เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโดยนายอำเภอ ปลัด กำนัน ตัวแทนชาวบ้าน และผบ.ทหารพราน เจรจาเพื่อที่แก้ปัญหาร่วมกัน โดยนายอำเภอรับปากที่จะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย จากการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ได้อ้างว่าพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวนหนึ่งกระบอก และเจ้าหน้าที่ยังอ้างอีกว่าอาวุธปืนที่พบเป็นอาวุธปืนชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ จากหลักฐานดังกล่าวสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านต้องการที่จะให้นายอำเภอนำเจ้าหน้าที่ทหารพรานมาเจรจาร่วมด้วยกับตัวแทนชาวบ้าน ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ ในระหว่างที่เจรจาทางกลุ่มทหารพรานก็เดินออกจากในมัสยิดท่ามกลางที่ชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเจรจาได้ขอสรุปว่า ในวันที่ 23 ส.ค. ทางนายอำเภอจะให้ทางญาติของผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจ สภ.สายบุรี และวันนี้ (วันที่23 ส.ค.52) ชาวบ้านปาตาบาระ จำนวนหนึ่งได้เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สายบุรี ในกรณีที่ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานกราดยิง ซึ่งเป็นผลทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 3คน จนเสียชีวิตไป 1 ราย

อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดี, กันยายน 03, 2552

ถล่มยิงโต๊ะอีหม่ามปัตตานี ดับพร้อมลูก 2 ศพ

ถล่มยิงโต๊ะอีหม่ามปัตตานี ดับพร้อมลูก 2 ศพ

3 กย. 2552 00:43 น.
พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิต บริเวณบนถนนปากทางเข้าเมืองปัตตานี ม.8 บ้านดือราแฮ ต.ตะลูโบ๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ตรงข้ามฐานชุดปฏิบัติการทหาร เฉพาะกิจที่ 23 จึงพร้อมกำลังตำรวจ และอส. ชุดไฟแสงสว่าง ,ชุดวิทยาการปัตตานี และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 1134 ปัตตานี มีสภาพกระจกด้านข้างทั้งสองข้างและกระจกด้านหน้าแตกละเอียด มีรอยกระสุนพรุน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ บริเวณที่นั่งคนขับทราบชื่อ นายต่วนกามารูดิน นิยามา อายุ 13 ปี ส่วนคนนั่งข้างคนขับทราบชื่อว่า นายต่วนแอ นิยามา อายุ 57 ปี สองพ่อลูก อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ม.7 บ้านตูตง ต.บาราเฮาะ อ.เมือง สภาพศพทั้งสองมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 ,อาก้า, และ 11 มม. บริเวณศรีษะ ใบหน้า และลำตัว เสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกอีก 2 คน ที่นั่งหลัง คือนางต่วนฮัมเซาะ นิยามา อายุ 28 ปี และ ด.ญ.ยูไปรีย๊ะ นิยามา อายุ 12 ปี ปลอดภัย ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนเอ็ม 16 อาก้า และ 11 มม.รวม 20 กว่าปลอก
จาการสอบสวนทราบว่า นายต่วนแอ ผู้ตายเป็นครูสอนศาสนาที่โรงเรียนสันติธรรมวิทยา ทุกปีเมื่อเข้าเดือนถือศีลอด ชาวบ้านจะเชิญเป็นโต๊ะอีหม่าม ละหมาดเดือนศีลอดที่มัสยิดตันหยงลูโล๊ะ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 4 กม.ก่อนเกิดเหตุได้ออกจากบ้านพร้อมลูกๆรวม 4 คนไปละหมาดตอรอแว๊ะห์เดือนถือศิลอดตามปกติ เมื่อเสร็จแล้วจึงเดินทางกลับ แต่จะแวะบ้านญาติในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ โดยมีนายต่วนกามารูดิน ลูกชายเป็นคนขับรถ
เมื่อขับตามถนนสาย 42 พอมาถึง ที่เกิดเหตุตรงข้ามฐาน ชป.ทหาร ฉก.23 ปากทางเข้าเมือง ได้เลี้ยวเข้าถนนในหมู่บ้าน ซึ่งมืดและเปลี่ยว จังหวะนั้นได้มีคนร้ายหลายคนไม่ทราบจำนวนได้ใช้รถยนต์ไม่ทราบชนิด ตามประกบหลัง พอช่วงที่รถผู้ตายเลี้ยวเข้า คนร้ายได้แซงด้านข้างและได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และ 11 มม. กระหน่ำกราดยิงทันที ทำให้รถผู้ตายจอดนิ่งเสียชีวิตทันทีทั้งพ่อและลูก 2 ศพ ส่วนลูกสาวอีก 2 คนที่นั่งเบาะหลังรอดจากกระสุนปืนอย่างหวุดหวิด ส่วนคนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไป และลูกสาวทั้งสองจะรีบนำพ่อและน้องส่งโรงพยาบาลแต่ปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเบื้องต้นเป็นเหยื่อสถานการณ์ใต้

ข้อมูลจากสายข่าว Patanipost รายงาน

อ่านต่อ...

About This Blog

Our Blogger Templates Web Design

  © Blogger templates The Professional Template by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP