คืนที่โศกเศร้าแห่งเดือนประเสริฐ
รอมฎอน ที่ปะเสยาวอ คืนเศร้าหลังตราเวียะห์
วันจันทร์ ที่ 24 สิงหาคม 2552
ปัญญาชนคนข่าว การสูญเสียจากความรุนแรงด้วยน้ำมือของมนุษย์ในเดือนรอมฎอน เดือนแห่งความอดทน เดือนแห่งการรับบททดสอบ เดือนแห่งประเสริฐยิ่งสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ยังคงปรากฏขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ครั้งนี้ชาวบ้าน 3 คน บาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2552 เกิดเหตุการณ์ กราดยิงชาวบ้านที่บ้านปาตาบารัต ม.1 ต.ปะเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี หลังจากชาวบ้านเสร็จจากการละหมาดตารอแวะห์(ละหมาดที่มีเฉพาะกลางคืนในเดือนรอมฎอน) เกิดเหตุการณ์ขึ้นในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายทะเล มีถนนเข้าออกทางเดียว จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า มีทหารพราน ชุด อส.ทพ.จากกรมทหารพราน ที่ 44 จำนวน 6 นาย เข้ามาลาดตระเวนในหมู่บ้าน โดยใช้รถกระบะ Isuzu Dmax cab บว 9345 สงขลา สีบรอนซ์ แล้วไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นทั้งเยาวชนและชายวัยกลางคนกำลังพูดคุย มั่วสุมยาเสพติด 6 คน (ตามการสอบถาม) จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ทางกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ 2 คน เดินลาดตระเวน เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุด แต่ทางกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวกลับวิ่งหนีต่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงจุดพลุเพื่อให้เห็นคนที่กำลังวิ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วก็กราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนี ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 3 คน สาหัส 1 คน มีรายชื่อดังนี้
1. นายมาหามะสาเระ เจ๊ะเยะ อายุ 19 ปี
2. นายรอซาลี โต๊ะดี อายุ 41 ปี
3. นายนิมะ เจ๊ะเตะ ซึ่งนายนิมะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปัตตานี เพราะกระสุนโดน
จุดสำคัญ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 44 ก็ออกมาเพื่อจะขึ้นรถที่จอดไว้บนถนนในหมู่บ้านข้างมัสยิด ซึ่งมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ในระหว่างนั้นก็มีกำนัน ต.ปะเสยาวอ ออกมาเจรจา เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานเห็นกำนัน ก็ได้เอาปืน M16 จ่อไปที่กำนัน จากนั้นกำนันก็แนะนำตัวและเจรจากับเจ้าหน้าที่ทหารพราน จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานยอมวางอาวุธลง หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานก็ได้เล่าเรื่องให้กับกำนันและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายทหารพรานบอกว่าเกิดการปะทะกันกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ชายทะเลดังกล่าว จากนั้นกำนันจึงประสานไปยังปลัดและนายอำเภอสายบุรี ทางกำนันจึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าไปในมัสยิด โดยมีชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยความโกรธ จำนวนประมาณ 100 คน เมื่อทางชาวบ้านจะถ่ายรูป ทางทหารพรานก็นำปืนไปจ่อที่ชาวบ้านหวังข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านถ่ายรูป เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโดยนายอำเภอ ปลัด กำนัน ตัวแทนชาวบ้าน และผบ.ทหารพราน เจรจาเพื่อที่แก้ปัญหาร่วมกัน โดยนายอำเภอรับปากที่จะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย จากการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ได้อ้างว่าพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวนหนึ่งกระบอก และเจ้าหน้าที่ยังอ้างอีกว่าอาวุธปืนที่พบเป็นอาวุธปืนชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ จากหลักฐานดังกล่าวสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านต้องการที่จะให้นายอำเภอนำเจ้าหน้าที่ทหารพรานมาเจรจาร่วมด้วยกับตัวแทนชาวบ้าน ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ ในระหว่างที่เจรจาทางกลุ่มทหารพรานก็เดินออกจากในมัสยิดท่ามกลางที่ชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเจรจาได้ขอสรุปว่า ในวันที่ 23 ส.ค. ทางนายอำเภอจะให้ทางญาติของผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจ สภ.สายบุรี และวันนี้ (วันที่23 ส.ค.52) ชาวบ้านปาตาบาระ จำนวนหนึ่งได้เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สายบุรี ในกรณีที่ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานกราดยิง ซึ่งเป็นผลทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 3คน จนเสียชีวิตไป 1 ราย
วันจันทร์ ที่ 24 สิงหาคม 2552
ปัญญาชนคนข่าว การสูญเสียจากความรุนแรงด้วยน้ำมือของมนุษย์ในเดือนรอมฎอน เดือนแห่งความอดทน เดือนแห่งการรับบททดสอบ เดือนแห่งประเสริฐยิ่งสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ยังคงปรากฏขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ครั้งนี้ชาวบ้าน 3 คน บาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2552 เกิดเหตุการณ์ กราดยิงชาวบ้านที่บ้านปาตาบารัต ม.1 ต.ปะเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี หลังจากชาวบ้านเสร็จจากการละหมาดตารอแวะห์(ละหมาดที่มีเฉพาะกลางคืนในเดือนรอมฎอน) เกิดเหตุการณ์ขึ้นในบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายทะเล มีถนนเข้าออกทางเดียว จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า มีทหารพราน ชุด อส.ทพ.จากกรมทหารพราน ที่ 44 จำนวน 6 นาย เข้ามาลาดตระเวนในหมู่บ้าน โดยใช้รถกระบะ Isuzu Dmax cab บว 9345 สงขลา สีบรอนซ์ แล้วไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่เป็นทั้งเยาวชนและชายวัยกลางคนกำลังพูดคุย มั่วสุมยาเสพติด 6 คน (ตามการสอบถาม) จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ทางกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ 2 คน เดินลาดตระเวน เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุด แต่ทางกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวกลับวิ่งหนีต่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงจุดพลุเพื่อให้เห็นคนที่กำลังวิ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วก็กราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านที่กำลังวิ่งหนี ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 3 คน สาหัส 1 คน มีรายชื่อดังนี้
1. นายมาหามะสาเระ เจ๊ะเยะ อายุ 19 ปี
2. นายรอซาลี โต๊ะดี อายุ 41 ปี
3. นายนิมะ เจ๊ะเตะ ซึ่งนายนิมะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปัตตานี เพราะกระสุนโดน
จุดสำคัญ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 44 ก็ออกมาเพื่อจะขึ้นรถที่จอดไว้บนถนนในหมู่บ้านข้างมัสยิด ซึ่งมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ในระหว่างนั้นก็มีกำนัน ต.ปะเสยาวอ ออกมาเจรจา เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานเห็นกำนัน ก็ได้เอาปืน M16 จ่อไปที่กำนัน จากนั้นกำนันก็แนะนำตัวและเจรจากับเจ้าหน้าที่ทหารพราน จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานยอมวางอาวุธลง หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานก็ได้เล่าเรื่องให้กับกำนันและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายทหารพรานบอกว่าเกิดการปะทะกันกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ชายทะเลดังกล่าว จากนั้นกำนันจึงประสานไปยังปลัดและนายอำเภอสายบุรี ทางกำนันจึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้าไปในมัสยิด โดยมีชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยความโกรธ จำนวนประมาณ 100 คน เมื่อทางชาวบ้านจะถ่ายรูป ทางทหารพรานก็นำปืนไปจ่อที่ชาวบ้านหวังข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านถ่ายรูป เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโดยนายอำเภอ ปลัด กำนัน ตัวแทนชาวบ้าน และผบ.ทหารพราน เจรจาเพื่อที่แก้ปัญหาร่วมกัน โดยนายอำเภอรับปากที่จะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย จากการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ได้อ้างว่าพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวนหนึ่งกระบอก และเจ้าหน้าที่ยังอ้างอีกว่าอาวุธปืนที่พบเป็นอาวุธปืนชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ จากหลักฐานดังกล่าวสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านต้องการที่จะให้นายอำเภอนำเจ้าหน้าที่ทหารพรานมาเจรจาร่วมด้วยกับตัวแทนชาวบ้าน ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ ในระหว่างที่เจรจาทางกลุ่มทหารพรานก็เดินออกจากในมัสยิดท่ามกลางที่ชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเจรจาได้ขอสรุปว่า ในวันที่ 23 ส.ค. ทางนายอำเภอจะให้ทางญาติของผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจ สภ.สายบุรี และวันนี้ (วันที่23 ส.ค.52) ชาวบ้านปาตาบาระ จำนวนหนึ่งได้เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สายบุรี ในกรณีที่ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานกราดยิง ซึ่งเป็นผลทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 3คน จนเสียชีวิตไป 1 ราย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น