ฆาตกรโหดฆ่าเยาวชนมลายูมุสลิม
(ฆาตกรโหดฆ่าเยาวชนมลายูมุสลิม, จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของประเทศไทย)
เหตุการณ์ทารุณและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย หรืออดีตประเทศฟาตอนี ดารุสสลาม คำว่า ทรราชย์ และ ความโหดร้าย ที่มีต่อมนุษยชนในวันนี้เป็นเรื่องที่ปกติไปแล้วสำหรับพวกเรา แต่ความทรราชย์และความโหดร้ายนั้นมันจะมีต่อไปจนถึงเมื่อไรกัน! อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับการสังหารโหดของวัยรุ่นอายุ 20 ปีชื่อ อีมาดุดดีน บิน ฮารูน มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านที่จังหวัดนราธิวาส หมูบ้านยาลูตง (Yalutong) แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ถ้าสังเกตดูเหตุการณ์การสังหารในครั้งนี้แล้วเหมือนมีการวางแผนการสังหารมาเรียบร้อยแล้ว และผู้ที่วางแผนการสังหารครั้งนี้ก็สามารถพูดได้เต็มปากและชัดเจนด้วยความแน่ใจว่าไอ้ชั่วผู้นั้นคือ ซีแย ละนาตุลลอฮ (Siam laknatullah)
เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 สิงหาคม 2553 ผู้ตายที่ชื่อ อีมาดุดดีน บิน ฮารูน ก็ไปหาเพื่อนที่นัดเจอกัน ณ สุไหงโกลกกับเพื่อนสนิทอีกคน พอถึงที่สุไหงโกลก ผู้ตายและเพื่อนที่ไปด้วยกันก็เจอเพื่อนที่นัดเจอกัน ซึ่งปัจจุบันเพื่อนของผู้ตายคนนั้นทำงานรับจ้างเป็นทหารพราน หลังจากที่ได้คุยกันเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานก็จับกุมผู้ตายไว้และไล่ให้เพื่อนผู้ตายอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน
จากการสอบปากคำจากเพื่อนผู้ตายที่ไปด้วยกันนั้น เขาบอกว่า หลังจากที่ผู้ตายโดนล็อกจับกุมนั้น มีทหารพรานคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานด้วยกัน ส่งสัญญาณด้วยมือกับเพื่อนทหารพรานอีกคนด้วยสัญลักษณ์ “เชือดคอ หรือ ตัดคอ” แล้วชี้ไปที่ผู้ตายที่โดนล็อกจับกุม
อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ทหารพรานที่นัดเจอกับผู้ตายนั้น ซึ่งเขาเคยเป็นเพื่อนกันและรู้จักกัน มีชื่อเล่นว่า มัง มุนดุก (Mang Munduk) ซึ่งคาดว่าเขาน่าจะเป็นสายของซีแยหรือทหารไทย และเขาเองนั้นแหละที่เป็นคนติดต่อผู้ตายที่อาศัยทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียให้กลับมา
ในวันอาทิตย์ ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณที่บ่าย 2 ผู้ตายได้โทรติดต่อไปหาพ่อของเขา และบอกพ่อเขาว่าเขาจะไปสุไหงโกลก หลังจากนั้นสายก็หลุดไป และพ่อผู้ตายก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก
เมื่อตอนเย็นของวันอาทิตย์ วันเดี่ยวกันนั้น เพื่อนของผู้ตายที่ไปด้วยกันกับผู้ตายนั้น (ไม่ใช่เพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานน่ะ) ได้โทรกลับไปแจ้งและเล่าเหตุการณ์ให้บิดาของผู้ตายทราบ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ว่า “ผู้ตายโดนจับตัวไป และในช่วงโดนจับตัวนั้นเขาแอบดูเหตุการณ์และเห็นทหารพรานคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานด้วย ส่งสัญญาณด้วยมือกับเพื่อนทหารพรานอีกคน ด้วยสัญลักษณ์ “เชือดคอ หรือ ตัดคอ” แล้วชี้ไปที่ผู้ตาย”
และพ่อของผู้ตายก็ได้ให้ความด้วยว่า “ในช่วงที่เขาคุยโทรศัพท์กับลูกชายนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจแล้ว เนื่องจากได้ยินเสียงของลูกแปลกๆ เหมือนกับเหนื่อยๆ และคิดว่าเบื้องหลังน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งพ่อของผู้ตายเชื่อว่าอย่างนั้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนสายหลุดไปและไม่สามารถติดต่อได้อีก
ผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณและโหดร้ายตั้งแต่วันเสาร์จนถึง 4 โมงเย็นของวันอาทิตย์ ก็เสียชีวิต เนื่องจากทนความเจ็บปวดและทรมานไม่ได้ โดยหลักฐานบนร่างกายชัดเจน ที่เห็นในภาพมีลักษณะร่างกายที่มีรอยเผาไหม้ คิดว่าน่าจะโดนทรมานด้วยเหล็กร้อน ถูกตัดคอหรือเชือดคอตั้งแต่ข้างหน้าจนถึงข้างหลัง โดนแทงด้วยมีดรวมกัน 4 แผล และในวันนั้นเองก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเข้าไปเก็บลูกสะตอในสวน และได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในบริเวณสวนป่า แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากเขาเองก็กลัว จนวันรุ่งขึ้นเขาก็ไปดูแต่ก็เจอศพของอีมาดุดดีน บิน ฮารูณ แล้ว
เหตุการณ์ทารุณและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย หรืออดีตประเทศฟาตอนี ดารุสสลาม คำว่า ทรราชย์ และ ความโหดร้าย ที่มีต่อมนุษยชนในวันนี้เป็นเรื่องที่ปกติไปแล้วสำหรับพวกเรา แต่ความทรราชย์และความโหดร้ายนั้นมันจะมีต่อไปจนถึงเมื่อไรกัน! อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับการสังหารโหดของวัยรุ่นอายุ 20 ปีชื่อ อีมาดุดดีน บิน ฮารูน มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านที่จังหวัดนราธิวาส หมูบ้านยาลูตง (Yalutong) แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ถ้าสังเกตดูเหตุการณ์การสังหารในครั้งนี้แล้วเหมือนมีการวางแผนการสังหารมาเรียบร้อยแล้ว และผู้ที่วางแผนการสังหารครั้งนี้ก็สามารถพูดได้เต็มปากและชัดเจนด้วยความแน่ใจว่าไอ้ชั่วผู้นั้นคือ ซีแย ละนาตุลลอฮ (Siam laknatullah)
เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 สิงหาคม 2553 ผู้ตายที่ชื่อ อีมาดุดดีน บิน ฮารูน ก็ไปหาเพื่อนที่นัดเจอกัน ณ สุไหงโกลกกับเพื่อนสนิทอีกคน พอถึงที่สุไหงโกลก ผู้ตายและเพื่อนที่ไปด้วยกันก็เจอเพื่อนที่นัดเจอกัน ซึ่งปัจจุบันเพื่อนของผู้ตายคนนั้นทำงานรับจ้างเป็นทหารพราน หลังจากที่ได้คุยกันเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานก็จับกุมผู้ตายไว้และไล่ให้เพื่อนผู้ตายอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน
จากการสอบปากคำจากเพื่อนผู้ตายที่ไปด้วยกันนั้น เขาบอกว่า หลังจากที่ผู้ตายโดนล็อกจับกุมนั้น มีทหารพรานคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานด้วยกัน ส่งสัญญาณด้วยมือกับเพื่อนทหารพรานอีกคนด้วยสัญลักษณ์ “เชือดคอ หรือ ตัดคอ” แล้วชี้ไปที่ผู้ตายที่โดนล็อกจับกุม
อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ทหารพรานที่นัดเจอกับผู้ตายนั้น ซึ่งเขาเคยเป็นเพื่อนกันและรู้จักกัน มีชื่อเล่นว่า มัง มุนดุก (Mang Munduk) ซึ่งคาดว่าเขาน่าจะเป็นสายของซีแยหรือทหารไทย และเขาเองนั้นแหละที่เป็นคนติดต่อผู้ตายที่อาศัยทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียให้กลับมา
ในวันอาทิตย์ ที่ 8 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณที่บ่าย 2 ผู้ตายได้โทรติดต่อไปหาพ่อของเขา และบอกพ่อเขาว่าเขาจะไปสุไหงโกลก หลังจากนั้นสายก็หลุดไป และพ่อผู้ตายก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก
เมื่อตอนเย็นของวันอาทิตย์ วันเดี่ยวกันนั้น เพื่อนของผู้ตายที่ไปด้วยกันกับผู้ตายนั้น (ไม่ใช่เพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานน่ะ) ได้โทรกลับไปแจ้งและเล่าเหตุการณ์ให้บิดาของผู้ตายทราบ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ว่า “ผู้ตายโดนจับตัวไป และในช่วงโดนจับตัวนั้นเขาแอบดูเหตุการณ์และเห็นทหารพรานคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่เป็นทหารพรานด้วย ส่งสัญญาณด้วยมือกับเพื่อนทหารพรานอีกคน ด้วยสัญลักษณ์ “เชือดคอ หรือ ตัดคอ” แล้วชี้ไปที่ผู้ตาย”
และพ่อของผู้ตายก็ได้ให้ความด้วยว่า “ในช่วงที่เขาคุยโทรศัพท์กับลูกชายนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจแล้ว เนื่องจากได้ยินเสียงของลูกแปลกๆ เหมือนกับเหนื่อยๆ และคิดว่าเบื้องหลังน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งพ่อของผู้ตายเชื่อว่าอย่างนั้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนสายหลุดไปและไม่สามารถติดต่อได้อีก
ผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณและโหดร้ายตั้งแต่วันเสาร์จนถึง 4 โมงเย็นของวันอาทิตย์ ก็เสียชีวิต เนื่องจากทนความเจ็บปวดและทรมานไม่ได้ โดยหลักฐานบนร่างกายชัดเจน ที่เห็นในภาพมีลักษณะร่างกายที่มีรอยเผาไหม้ คิดว่าน่าจะโดนทรมานด้วยเหล็กร้อน ถูกตัดคอหรือเชือดคอตั้งแต่ข้างหน้าจนถึงข้างหลัง โดนแทงด้วยมีดรวมกัน 4 แผล และในวันนั้นเองก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเข้าไปเก็บลูกสะตอในสวน และได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในบริเวณสวนป่า แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากเขาเองก็กลัว จนวันรุ่งขึ้นเขาก็ไปดูแต่ก็เจอศพของอีมาดุดดีน บิน ฮารูณ แล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น