บทสัมภาษณ์'พัลลภ'จวกเจรจาเข้าทางโจรใต้
“พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี” ที่ปรึกษานายกฯ จัดหนัก ตีแสกหน้า ผิดหลักการ ระดับสูงคิด : เจรจายุติได้ แต่ดันไปเข้าทาง 'โจรใต้' : สัมภาษณ์พิเศษ โดยไทยอินไซเดอร์
“เหตุวินาศกรรม” ที่จ.ยะลา และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดคำถามตามาอย่างมากมาย ว่า “ความรุนแรง...จะกลับมาอีกแล้วหรือ”
แต่เมื่อ “หลายฝ่าย” พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง...ก็ปรากฏว่า “มูลเหตุสำคัญ” คือ การเปิดโต๊ะเจรจากับ “กลุ่มโจรที่ก่อความไม่สงบ” ของ “ทางการไทย”
“ถาวร เสนเนียม” ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรมช.มหาดไทย ที่เกาะติดปัญหาชายแดนภาคใต้มาตลอด ถึงกับกล้าแฉกลางสภาฯ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า “วันที่ 22 ก.พ. 2555 การข่าวที่เชื่อถือได้พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพบผู้ก่อความไม่สงบ 18 คน ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยต้องการพบ นายสะแปอิง บาซอ แต่เขาไม่ให้เกียรติมาพบ เพราะเขารู้ว่า ต้องการตบหัวแล้วลูบหลัง ซึ่งมีการเสนอเงินก้อนหนึ่งให้เขาเพื่อยุติ ซึ่งเป็นความหวังดีแต่ขาดเอกภาพระหว่างฝ่ายความมั่นคงกับการเมือง ครั้งที่ 2 วันที่ 17 มี.ค. 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปด้วย แต่เขามา 15 คน เจรจากันไป-มา ฝ่ายมั่นคงไม่รับทราบ เป็นเหตุให้ ผบ.ทบ. ออกอาการ”
นั่นหมายความว่า “ทักษิณ” ดึงน้องสาว “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรี...ไปเจรจาด้วย และทำไม...ถึงเกิดเหตุร้ายขึ้นได้
ไทยอินไซเดอร์ สัมภาษณ์ “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ในฐานะอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความไม่สงบภายใน (รองผอ.กอ.รมน.) ผู้ซึ่งคลุกคลีกับปัญหาภาคใต้มาโดยตลอด
หลายคำพูดจาก “ปากเขา” สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “รัฐบาลพี่คิด-น้องทำ”...ใช้คนไม่ถูกกับงาน และการดอดไปเจรจาในครั้งนี้ ก่อให้เกิดความผิดพลาดอย่างไร???
จากนี้ไปคือ “คำตอบ”
ไทยอินไซเดอร์ : ในฐานะที่เคยทำงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์คาร์บอมบ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น
พล.อ. พัลลภ : ได้ดู “ผบ.ทบ.” (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ท่านคอมเม้นท์แล้วว่า “การเจรจามันผิดกฎหมาย” สำหรับผมก็มองลักษณะเดียวกัน แต่ผมมองว่า...ไปเจรจาเท่ากับเราไปยอมรับขบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย พอยอมรับปั๊บ...ต้องเข้าใจว่า “ขบวนการโจรก่อการร้ายภาคใต้” มันพยายามจะเข้าไปเป็นสมาชิกโอไอซี (องค์การการประชุมอิสลาม : Organisation of the Islamic Conference / มีสมาชิกราว 57 ประเทศ ประชากรรวมกว่า 1.2 พันล้านคน ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ อเมริกาใต้ โดยใช้ภาษากลางคือ ภาษาอารบิก ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมสรรพกำลัง ปกป้องผลประโยชน์ของชาติสมาชิก รวมถึงการพูดเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องสำคัญๆ ในเวทีสากล) มา 2 ครั้งแล้ว แต่ว่าเงื่อนไขเขามี 3 ประการ...อันแรกคือมีการจัดตั้งที่แน่นอน...วันนี้เขามี ก็รู้อยู่ใครเป็นใคร อันที่สอง มีการสู้รบในพื้นที่...อันนี้ก็มี อันที่สาม นี่แหละที่เขาขาด คือการเจรจากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ คล้ายๆ เราไปยอมรับขบวนการเขา ถ้าเขาครบ 3 ข้อ เราไปเจรจาปั๊บ เขาจะถือว่าเป็นข้อที่สาม เขาจะเข้าไปเป็นสมาชิกโอไอซี มุสลิม 57 ประเทศ เราก็อยู่ในภาวะที่หนักละ “57 ประเทศ”...เขาก็จะรุมเรา อันนี้ผมห่วง ห่วงมากเลยที่เขา (หมายถึงรัฐบาลไทย) ไปเจรจา
ไทยอินไซเดอร์ : การที่รัฐบาลไปเจรจาเท่ากับเป็นการไปยกระดับความสำคัญให้กับโจรก่อการร้าย ที่สามารถสร้างเงื่อนไขใช้ต่อรองกับรัฐบาล
พล.อ. พัลลภ : ก็ได้ การเจรจา...ถ้าตามข่าวท่านรองนายกฯคนหนึ่ง (หมายถึงพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา) ท่านก็บอกแล้วนี่ครับ ท่านให้สัมภาษณ์ออกอากาศว่า ท่านส่งเลขาฯศอ.บต. (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง) ไปเจรจาทางลับกับโจร แล้วท่านยังบอกว่า 3 เดือนยุติ แต่ผมมองว่า...มันไม่ใช่ มันจะเป็นเงื่อนไขให้เขาเข้าสมาชิกโอไอซีได้ แล้วเราจะลำบาก พอเข้าได้ปั๊บลองคิดดูสิ 57 ประเทศเขามารุมเรา ขนาดนี้เราแทบจะตายอยู่แล้ว ผมมองแบบนั้น ผมถึงห่วง ห่วงว่ามันจะเสีย แล้วเสียจริงๆ ถ้าเขาเข้าเป็นสมาชิกได้นะ
ไทยอินไซเดอร์ : การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่ผ่านมา มักใช้แนวทางการเมืองนำการทหาร การเจรจาโดยสันติวิธีถือเป็นวิธีการหนึ่งหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : มันไม่ใช่ มันเป็นการที่เราไปยอมรับกระบวนการ เรื่องนี้เราไม่ยอมรับว่าเป็นกระบวนการก่อการร้าย เราไม่ยอมรับ ถ้ายอมรับ...เขาก็จะมีอิสระ จะเข้าโอไอซี วันนี้ถ้าไปเจรจา มันเท่ากับเรายอมรับเขา วันนี้เราไม่ยอมรับ เราถือว่าพวกนี้เป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน
ไทยอินไซเดอร์ : การดำเนินการแก้ไขปัญหา จะต้องใช้หลักกฎหมาย ใช้กฎหมายอาญาถ้ากระทำความผิด
พล.อ. พัลลภ : ใช่ครับ การดำเนินการต้องตามกฎหมายอาญา ทีนี้ผมเนี่ย...เคยเป็นหัวหน้ากองโจรมาเก่า ผมเคยไปรบในเวียดนาม เพราะฉะนั้นวันนี้...ในภาคใต้มันเป็นสงครามกองโจรเต็มรูปแบบ ตามแผนบันได 7 ขั้น มันอยู่ขั้นที่ 7 แล้ว คือขั้นที่ 7 มีแกนนำ 300 คน กองกำลังติดอาวุธ 3,000 คน แนวร่วม 30,000 คน เขาถึงทำแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้น...หลักการเราต้องยอมรับว่า วันนี้มันเป็นสงครามกองโจรเต็มรูปแบบ เมื่อเป็นสงครามเต็มรูปแบบตามหลักของทหารเขามี 3 ขั้นตอนในการปราบปรามกองโจร
อันแรกคือ Search หมายถึง...เราค้นหาแยกให้ได้ว่า อันไหนเป็นแกนนำ อันไหนเป็นกองกำลังติดอาวุธ
อันที่สองคือ Destroy หมายถึงว่า...เราก็ต้องทำลายกองกำลังพวกนี้ ถ้าเขามอบตัว เราก็ปฏิบัติไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าไม่มอบตัว เราต้องปราบปราม เพราะเขาถืออาวุธ และการจะชนะสงครามภาคใต้ได้ เราต้องเอาประชาชนมาเป็นพวกให้ได้ วันนี้เขาถือปืนคุมประชาชนอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะทำยังไง ถ้าเขาสู้ก็ต้องปะทะกัน แต่ถ้าเขามอบตัว ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
ข้อที่สามคือ Deconstruction คือการบูรณาการ มันต้องมาอยู่ขั้นที่สาม
ทีนี้วันนี้ของเรามันอะไรก็ไม่รู้ มันเกิดมี 3 หัวขึ้นมา คือ 1.ทหาร คือ กอ.รมน. 2.ศอ.บต.ทำด้านพัฒนา 3.ศปก.ตร.อันนั้นเขาทำด้านสอบสวนสืบสวน เพราะฉะนั้นตามหลักของทหาร ตามหลักยุทธวิธีทั่วไป ถ้าเรายอมรับว่า...วันนี้ภาคใต้เป็นสงครามกองโจร เราถือว่าเป็นยุทธภูมิหนึ่งของการรบ เพราะฉะนั้นมันจะต้องมี 1 Commander เท่านั้น...ไม่ใช่ 3 Commander
ไทยอินไซเดอร์ : การแก้ไขปัญหาควรมอบหมายให้ฝ่ายทหารเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
พล.อ. พัลลภ : คือ...ทหาร แบบนั้นมันก็เป็นหลักทางทหาร จะเล่าให้ฟัง...เมื่อปี 2520 ก็เกิดลักษณะแบบนี้ ตอนนั้นมี 3 โจร มีจีนคอมมิวนิสต์ด้วย ที่ผมลงไป สถานการณ์ก็แรงแบบนี้แหละ ทางรัฐบาลก็ตั้งพล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ (อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรมว.ศึกษาธิการ และอดีตหัวหน้าพรรคราษฎร) ตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบชายแดนภาคใต้ขึ้นมา พล.อ.เทียนชัยไปเป็นผอ. แล้วทหาร ตำรวจ ผู้ว่าฯ ขึ้นกับกองอำนวยการนี้หมดเลย ผมไปเป็นผู้บังคับหน่วยทหาร มันต้องออกเป็นลักษณะ 1 Commander ถ้ามันเป็น 3 Commander แบบนี้มันก็ต่างคนต่างทำ อย่างผบ.ทบ.ลงไปเนี่ย คุณว่าเขาสั่งใครได้ ก็สั่งได้แต่ทหารใช่มั๊ย ผบ.ตร.ลงไปก็สั่งได้แต่ศปก.ตร. รมว.มหาดไทยลงไป สั่งได้ศอ.บต. เนี่ยงาน...ผมว่า “มันไม่ถูก”
ไทยอินไซเดอร์ : ถ้ามีการบอกว่ายุทธศาสตร์และสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มันต่างจากอดีต การแก้ไขปัญหาย่อมมีการปรับเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : มันจะต่างจากอดีตไปไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าภาคใต้มันยืดเยื้อมานาน การปฏิบัติการ...เขาก็เป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรพิเศษขึ้นมา เพียงแต่ว่าวันนี้เขาสามารถจัดกองกำลังได้ จัดอะไรก็ได้ตามเป้าที่เขาวางไว้เท่านั้นเอง
ไทยอินไซเดอร์ : สถานการณ์ที่ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ กลุ่มแนวร่วมที่อยู่ในขบวนการก่อความไม่สงบมีมากขึ้นหรือน้อยลง เพราะรัฐบาลเองก็อ้างว่า สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้มากขึ้น การก่อการน้อยลง แต่เหตุการณ์กลับยังเกิดขึ้นอยู่และรุนแรงมากขึ้น
พล.อ. พัลลภ : อย่างที่ผมบอก เขาเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย เพราะว่าวันนี้มันมาบันไดขั้นที่ 7 ในการทำสงครามกองโจร เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องเพิ่มความรุนแรงขึ้นมา เพื่อให้เราไปเจรจากับเขา เพราะวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้เรื่อง พูดง่ายๆ...“ระดับสูง” คิดว่าการเจรจาจะเป็นทางที่ยุติได้ ก็ไปเจรจา มันก็จะเข้าทางเขา เพราะเขาพยายามเข้าโอไอซีมา 2 ครั้งแล้ว มันขาดข้อที่สาม เพราะฉะนั้นวันนี้ที่มันเกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไร เขาต้องการให้เราไปเจรจากับเขา เจรจากับเขาปั๊บ...มันเข้าข้อที่สาม เขาก็เข้าเป็นสมาชิกโอไอซีได้ ทีนี้เราก็อยู่ลำบากละ
ไทยอินไซเดอร์ : รัฐบาลยอมรับเองว่า มีการไปเจรจาจริง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาไม่พอใจ จนก่อเหตุสร้างสถานการณ์ครั้งล่าสุดเพื่อแสดงศักยภาพ
พล.อ. พัลลภ : คืออย่างนี้ โจรก่อการร้ายภาคใต้มีหลายกลุ่ม เวลานี้กลุ่มที่กุมอำนาจจริงๆภาคใต้ คือ “บีอาร์เอ็น โคออดิเนต” แต่ที่ไปคุยเมื่อเร็วๆนี้ ไปคุยกับ “พูโลเก่า” จำได้มั๊ยเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่มีพล.อ.คนหนึ่ง (หมายถึงพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร) เอาไอ้พวกนี้มาออกทีวี นั่นก็ตัวปลอม วันนั้นพอแถลงข่าวแบบนั้นมันก็ระเบิด 11 จุดในภาคใต้ ลักษณะแบบเดียวกัน คือเขาต้องการผลักดันให้เราเจรจากับเขา...คือเป้าหมายหลัก อันที่สองก็คล้ายๆว่าเขาชิงการนำในพวกเขาอยู่ เพราะมีหลายกลุ่ม พูโล...พูโลใหม่ แต่วันนี้ “บีอาร์เอ็น โคออดิเนต” เป็นตัวหลักอยู่
ไทยอินไซเดอร์ : รัฐบาลรู้หรือไม่ว่า “บีอาร์เอ็น โคออดิเดต” คือกลุ่มหลัก เหตุใดจึงไปเจรจากับอีกกลุ่มแทน
พล.อ. พัลลภ : ผมก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน เพราะว่า “ข้อมูล” เขาได้มาอย่างไร...ผมไม่อยากจะพูด คือ “ข้อมูลเขา” กับ “ข้อมูลผม” มันคนละแบบ ผมอยู่ในพื้นที่ภาคใต้มาเยอะ วันนี้ลูกน้องผมก็ยังอยู่หมดในภาคใต้ เขาก็ส่งข้อมูลมาให้ผมอย่างนี้
ไทยอินไซเดอร์ : สถานการณ์ความรุนแรงที่กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะการใช้คาร์บอมบ์ที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูง นอกจากต้องการสร้างเงื่อนไขเข้าสู่การเป็นสมาชิกโอไอซีแล้ว เป็นเพราะสาเหตุใด
พล.อ. พัลลภ : ผมจะบอกให้นะ พวกตัวๆแกนหลักที่ทำการอยู่ภาคใต้ พวกนี้ไปอาสาสมัครรบที่อัฟกานิสถานมานะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เขาเก่ง ลองไปเช็คดูเถอะมีเยอะเลย อาสาสมัครไปรบที่อัฟกานิสถานแล้วกลับมา ขบวนการนี้มันถึงเข้มแข็งขึ้นมา อาสาสมัครไปนามกลุ่มตาลีบัน อัฟกานิสถานก็รู้ว่า...พวกตาลีบันรบกับพวกอเมริกา นั่นแหละ พวกนี้สมัครไปเยอะ แล้วตอนนี้กลับเข้ามา
ไทยอินไซเดอร์ : เป็นการไปฝึกเอาประสบการณ์มาใช้ก่อเหตุในไทย
พล.อ. พัลลภ : เขาไปรบจริงๆ อาสาสมัครรบเลย ร่วมกับทหารอัฟกานิสถาน กับตาลีบัน ร่วมรบแล้วตอนนี้เขากลับมาเยอะ ลองไปเช็คดู คุยกับพวกภาคใต้จะรู้
ไทยอินไซเดอร์ : การไปรบแบบนี้จะมีการโยงไปถึงการก่อการร้ายสากลเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : ไม่ๆๆ ไม่มีต่างชาติเข้ามายุ่งเลย เรื่องนี้มันมีเป็นร้อยๆปีแล้ว กบฏแบ่งแยกดินแดน พูดง่ายๆสมัยรัชกาลที่ 6 มา เขาก็ตั้งเป็นขบวนการขึ้นมา
ไทยอินไซเดอร์ : ส่วนตัวมองสถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : ผมว่า “ครั้ง” (หมายถึง “ปริมาณการก่อเหตุ”) มันน้อยนะ แต่ความรุนแรงมันสูงขึ้น อย่างคราวหลังนี่เห็นมั๊ย มันบาดเจ็บล้มตายเป็นร้อย ตอนผมอยู่ที่นั่น 4-5 ปี แทบไม่มีเลยรู้มั๊ย ผมอยู่ตั้งแต่ปี 2520-2524 ตอนนั้นเหตุการณ์ก็แบบนี้ พอ 6 โมงเย็นก็ไม่มีรถวิ่งแล้ว ปัญหาที่ผมลงไปคือปัญหาที่เขื่อนบางลาง ที่บันนังสตา มันสร้างไม่ได้ เพราะโดนพวกโจร ทั้งระเบิด...ทั้งอะไร จนนายช่างหนีหมด ทางกองทัพก็สั่งให้ผมลงไป ผมถึงไปอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี จนกระทั่งเขื่อนเสร็จ แล้วช่วงผมอยู่ 4-5 ปี ผมนับได้เลยว่า ทหารผมบาดเจ็บล้มตายมีไม่กี่คนจริงๆ ส่วนมากที่ตายเยอะก็โจร แล้วก็เงียบ...เงียบมาตลอดเลย จนกระทั่งมาปี 2547 ที่เราต้องถอนทหารออกมาแล้วให้ตำรวจเข้าแทน มันก็เลยลุกลามใหญ่โตมาจนทุกวันนี้
ไทยอินไซเดอร์ : วันนี้เป็นเพราะไม่มีกำลังทหารเพียงพอหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : ไม่ใช่ไม่มีทหารเพียงพอหรอก ให้ผมพูดมัน...ทหารก็เข้าไปเยอะนะ สมัยผมอยู่ทหาร ตำรวจ ผมมี 3 พันเท่านั้นเอง วันนี้ 3 หมื่น... 3 พัน ผมยังเอาอยู่ได้เลย คือพูดไปก็ขายกองทัพ ผมไม่อยากพูด ขายกองทัพ ขายน้องเขา
ไทยอินไซเดอร์ : ปัญหาเกิดจากการบริหารจัดการภายในกองทัพใช่หรือไม่
พล.อ. พัลลภ : เอาอย่างนี้ดีกว่า ว่างๆนะ วันไหนลองลงไปสิ สักทุ่มนึง...น้องลองขับรถดูถนน จะเห็นว่ากลางถนนจะมีแต่กรวยวาง ไม่มีคนอยู่หรอก ทุกคนหนีเข้าบังเกอร์หมดพอค่ำ เขาก็มาตอนนั้นแหละ ตอนสมัยเกิด “กรือเซะ”...ปล้นปืน ผมลงไป บางที 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม ผมจะออกรถตระเวนไล่พวกนี้ มันจะหลบเข้าหมด กลางถนนมีแต่กรวย...โอกาสนี้โจรมันก็มันขนวัตถุระเบิด ขนรถคาร์บอมบ์เข้ามา ผู้บังคับบัญชาเขาไม่เข้มงวด ไม่กวดขัน ไม่อะไร เพราะฉะนั้นพอค่ำลง มันก็หลบเข้าบังเกอร์หมด
ไทยอินไซเดอร์ : สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น มักมีการเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองในพื้นที่ที่ร่วมอยู่ในขบวนการ มีความเป็นได้มากน้อยเพียงใด
พล.อ. พัลลภ : ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นหรอก ต้องคิดว่าขบวนการนี้มันมีมาตั้งแต่...พูดง่ายๆคือปี 2310 พอเราเสียกรุงศรีอยุธยา รัฐปัตตานีแยกเป็นอิสระอยู่ 15 ปี พอมาสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์ก็ใช้กรมพระราชวังบวรฯยกทัพจากนี่ เดินทัพไป 3 เดือนไปปราบอยู่ 3 ปี จนเอาปัตตานีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วมันก็เป็นอย่างนี้มาเรื่อย พอมาสมัยรัชกาลที่ 6 ท่านเลิกเจ้าเมืองปัตตานี ตั้งเป็นเทศาภิบาล เขาก็ไม่ยอมก่อการกบฏ ท่านก็ส่งกำลังไปปราบ เขาก็หนีไปประเทศเพื่อนบ้าน แล้วก็ตั้งขบวนการนี้ขึ้นมา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ก็เรื่อยมาเรื่อย จนเห็นว่าวันไหนอำนาจรัฐเราอ่อนแอ ประเทศเรานั่นปั๊บ พวกนี้จะแข็งแรงขึ้นมา มาเป็นร้อยๆปีแล้ว มันไม่ใช่ว่าเพิ่งเป็น แต่ตอนนี้มองว่าเหตุการณ์ที่ระเบิดมันรุนแรง มันขึ้นมาถึงหาดใหญ่ ซึ่งมันไม่เคยมี
ไทยอินไซเดอร์ : การก่อเหตุที่หาดใหญ่ เป็นการส่งสัญญาณหรือไม่ว่า จะต้องมีการดูแลเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
พล.อ. พัลลภ : ไม่หรอกครับ ก็แค่นั้นครับ เขาต้องการแค่นั้น คืออย่างที่ผมบอก...พอเราส่งคนไปเจรจา เสร็จแล้วไปเจรจาผิดตัวด้วย คราวนี้ตัวที่เป็นตัวใหญ่จริงๆ ที่อยู่ใน “บีอาร์เอ็น โอคอดิเนต” แต่ที่ไปเจรจาไปเจรจากับ “พูโลเก่า” มันก็กดดันให้เราไปเจรจาเพื่อเข้าสู่ “โอไอซี” ให้ได้ ผมมองว่าอย่างนั้นนะ จะเห็นว่ามันมีอย่างนี้มาบ่อย อย่างที่ยกตัวอย่างว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่มีพล.อ.คนหนึ่งที่ไปเอาพวกนี้มา มันก็ระเบิด 11 จุดทั่วจังหวัดภาคใต้เลย นั่นแหละแบบเดียวกัน
ไทยอินไซเดอร์ : มีการกล่าวหาว่า ส่วนหนึ่งที่เหตุการณ์ยังไม่สงบ เป็นเพราะกองทัพ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับงบประมาณก้อนโตที่ได้รับในแต่ละปี
พล.อ. พัลลภ : ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ ผมคิดแต่อย่างนี้ แนวความคิดผม...ว่า กองกำลังทหารที่ไป เอาจากต่างถิ่นไป เช่นเอาจากแถวภาคอีสานไป พวกนี้ก็ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี เพราะฉะนั้นการทำงานก็ลำบาก ภาษาก็ไม่รู้ ถ้าเป็นแนวคิดของผม จะต้องใช้คนในภาคใต้ ทหารในภาคใต้ในการปราบปราม เพราะว่าเรื่องนี้สำคัญ คือลักษณะภูมิประเทศกับภาษา วัฒนธรรมประเพณี มันเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำงานเกี่ยวกับการปราบปราม สมมติไปจากอุดรฯได้ข่าวระเบิดทุกวัน คนตายทุกวัน มันไปถึงปั๊บ เขาพูดภาษาอะไรมันก็ไม่รู้แล้ว ภูมิประเทศก็ไม่ชำนาญ พอจะชำนาญก็กลับละ เอาชุดใหม่ไปแล้ว ถ้าแนวคิดของผมจะใช้ทหารในภาคใต้
ไทยอินไซเดอร์ : มีการยกเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ ขึ้นมากล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ต่อเนื่องเป็นลำดับมา พร้อมกับการระบุว่าตัวท่านเอง
และพ.ต.ท.ทักษิณคือสัญลักษณ์ของความรุนแรงใน ภาคใต้ มีความรู้สึกอย่างไร
พล.อ. พัลลภ : กรณีกรือเซะ...เขาเป็นฝ่ายมาโจมตีผมนะ วันนั้นประมาณตี 5 วันที่ 28 เม.ย. 2545 เขาโจมตีผมทั่ว 3 จังหวัดใต้ 10 จุด ใช้กำลังไม่ต่ำกว่า 300 คน อาวุธพร้อม แล้ววันนั้นทั้งหมด 10 จุดเขาตาย 106 คน จับเป็นได้ 6 คน เราตาย 8 คน บาดเจ็บ 97 คน เฉพาะกรือเซะ...(คนของ)ผมตาย 3 คน สาหัส 8 คน (คนของ)เขาตาย 32 คน ผมตั้งข้อให้สังเกตอย่างนี้ว่า “ลักษณะกองโจร” ปกติเขาใช้คำว่า Hit & Run คือตีแล้วหนี วันนั้นตี 5 เขามาตีป้อมตำรวจที่กรือเซะ ฆ่านายดาบตำรวจตาย ตำรวจอีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส เผาป้อม เผารถมอเตอร์ไซค์ ทำไมเขาไม่หนีเข้าป่าไปยึดกรือเซะทำไม แล้วในกรือเซะวันที่ผมยึดได้ มีข้าวมีน้ำจำนวนมาก ลองคิดดูสิทำไม แสดงว่าเขาต้องมีแผนอะไรอย่างหนึ่ง แผนของเขา...ผมบอกแล้วว่า ผมเป็นหัวหน้ากองโจรเก่า ผมรบในเวียดนามเหนือมาหลายปี เพราะฉะนั้นผมรู้ลักษณะกองโจร ทำไมเขายึด ไม่หนีเข้าป่า หนีไปก็จบแล้ว ตามหลักกองโจรทั่วไป Hit & Run ทำไม...???
ที่เขาทำแบบนั้นเพราะอะไร ผมอ่านออก แล้วก็สอบถามตรงกับที่ผมคิดไว้แต่แรก ผมถึงเข้ากวาดล้างก่อนมืด ถามไอ้ 6 คนที่จับได้ เขาบอกว่า...เขาสั่งไว้ว่าจะใช้กรือเซะเป็นกองกำลังบัญชาการก่อการจลาจลทั่ว ภาคใต้ เพราะฉะนั้นอีก 9 จุดที่ตีแล้วให้มารวมที่กรือเซะ เพราะฉะนั้นกรือเซะจะมีทั้งน้ำ 500-600 ขวด ข้าว 500-600 กล่อง เขาต้องการทำแบบนั้น แผนเขาง่ายๆอะไรรู้มั๊ย เขาดึงมวลชนเข้ามา คุณจะเห็นว่าตอนผมตัดสินใจ ประชาชนมาล้อมกรือเซะประมาณ 4-5 พันคนแล้ว แล้วผมอยู่ภาคใต้มา ผมรู้ปฏิกิริยาแบบนี้ “อะไรจะเกิดขึ้น” ผมไม่ใช่คนต่างถิ่นเข้าไป ผมอยู่ที่นั่นมานาน คือแผนเขา พอค่ำลง เขาพร้อม...ผมก็วิทยุไปหาแม่ทัพภาค 4 ขอกำลังมาคุ้มกันประชาชน คุณเชื่อมั๊ย...เขาให้ผมมา 20 คน มาคุ้มกันคน 4-5 พัน ให้มา 20 คน ผมถามว่าทำไมให้แค่นี้ เขาบอกวันนั้นมันตี 10 จุดไง กำลังกระจายหมดเลย ไปไหนไม่ได้เลย มันก็ได้มา 20 คน ของเก่าผมมี 30 คน ก็เป็น 50 คน รบพิเศษผมกับตำรวจ
คือแผนเขาเนี่ย เขาฮือเข้ามา เป็นคุณ คุณทำไง คุณก็ต้องยิงป้องกันตัวใช่มั๊ย เขาก็จะบาดเจ็บล้มตาย เขาก็จะเอาอันนี้เป็นจุดก่อจลาจล ว่าเรายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ คุณมองออกหรือยัง ผมถึงต้องตัดสินใจว่า ทำให้เสร็จก่อนค่ำ แล้วเรื่องนี้ญาติพี่น้องเขาไปฟ้องผมที่ศาลปัตตานี ผมไปขึ้นศาลปัตตานีมาแล้ว แต่เขาฟ้องผมข้อหาอะไรรู้มั๊ย เขาไม่ได้บอก “ผมฆ่าคนตาย” เขาบอกว่า “ผมทำเกินกว่าเหตุ” ใช้ระเบิดมือไป 8 ลูก ผมไปขึ้นศาลมา เขาตั้งทนายมา 5 คน แล้วญาติพี่น้องเขามาเต็มหมด พอไปถึงศาลเขาตั้งข้อหาผม คุณเคยดูหนังสงครามมั๊ย ผมก็ถามผู้พิพากษา...พอตั้งข้อหา ผมก็ถามผู้พิพากษา ท่านเคยดูหนังสงครามมั๊ยครับ ผู้พิพากษาพยักหน้าบอกเคยดู เพราะฉะนั้นเมื่อข้าศึกอยู่ในตึกอาคารที่แข็งแรง บังเกอร์ที่แข็งแรง อาวุธประจำกายเราเป็นอาวุธที่ยิงตรง ไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปได้ เพราะฉะนั้นเขาต้องใช้ระเบิดมือกันทั้งนั้นแหละครับ มันเป็นหลักสากล กรือเซะหินแข็งปั๊กเลย มันเลยจำเป็นต้องใช้ระเบิดมือ อันนี้มันเป็นหลักสากล ทหารทั่วไป เป็นยุทธวิธีเลย ผมก็เล่าให้ผู้พิพากษาฟัง ผู้พิพากษาก็ยกฟ้อง ทนาย 5 คนมาขอโทษผม จับมือผม ญาติเขาก็ยกมือไหว้ เนี่ยมีแค่นี้เอง
ไทยอินไซเดอร์ : ยังมีการนำประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
พล.อ. พัลลภ : เอาอย่างนี้...ภาคใต้คือพรรคประชาธิปัตย์ แล้วอีกอย่างแนวร่วมขบวนการโจรก่อการร้าย เขาไม่อยากให้ผมลงไป คุณลองไปถามคนภาคใต้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปสิ ถามไม่มีใครไม่รู้จักผู้พันพัลลภ เนี่ยระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้น คนจากภาคใต้โทรขึ้นมาเจี๊ยวเลยว่าเมื่อไหร่ท่านจะลงไป
ไทยอินไซเดอร์ : คนภาคใต้ที่ยังเชื่อมั่น เพราะใช้วิธีการแข็งกร้าวใช่หรือไม่
พล.อ. พัลลภ : ไม่ใช่แข็งกร้าว ผมใช้หลักตามยุทธวิธีของผมในการปราบปรามกองโจร คุณต้องยอมรับเสียก่อนว่า วันนี้ภาคใต้เป็นสงครามกองโจร เมื่อเป็นสงครามกองโจร มันก็มี 3 ขั้นตอนในการปราบ คุณจะชนะสงครามภาคใต้ได้ คุณต้องดึงประชาชนมาเป็นพวก ในเมื่อเขาถือปืนคุมหลังประชาชนอยู่ คุณไม่ทำลายเขา ไม่จับเขา คุณจะดึงประชาชนมาเป็นพวกได้ยังไง คุณชนะสงครามได้ยังไง แต่นั้นเองไม่มีอะไรเลย
ไทยอินไซเดอร์ : การที่เอาประชาชนมาเป็นพวกได้ เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่ให้ได้
พล.อ. พัลลภ : อันนี้แน่นอน ต้องมีความเชื่อมั่น อย่างผม…ลงไปมีประชาชนเป็นหมื่นเลยมาคอยรับผม คุณเชื่อมั๊ย คน 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นหมื่นมารอรับผม วันที่ระเบิด โทรกันมาแทบ...โทรศัพท์แทบไหม้ บอกเมื่อไหร่ท่านจะมา เมื่อไหร่ท่านจะลงมา
"ผมไม่เคยทำอะไรนอกกรอบ ผมไม่เคยลอบยิงคนโดยไม่มีเหตุผล เพราะผมต้องมั่นใจ 100% ผมถึงนั่น...อย่างที่ผมบอก คุณชนะสงครามได้ คุณต้องดึงประชาชนมาเป็นพวก วันนี้เขาถืออาวุธคุมประชาชนอยู่ คุณไม่ทำลายกองกำลังติดอาวุธเขา คุณจะดึงประชาชนมาเป็นพวกได้ยังไง คุณก็ไม่มีทางชนะสงคราม คุณก็เป็นฝ่ายตั้งรับ ตายทุกวัน บาดเจ็บทุกวันแบบนี้ ไปดูสิสถิติจากปี 2520 ผมอยู่ถึง 2524 ทหารผมบาดเจ็บล้มตายไม่ถึง 10 คนหรอก และประชาชนเอง เพราะผมออกทำงานชุดเล็กๆ อย่างที่บอกผมได้เปรียบ เพราะมันเป็นสงคามกองโจร และผมเป็นหัวหน้ากองโจรเก่า เพราะฉะนั้นรู้ยุทธวิธีหมด"
ไทยอินไซเดอร์ : ตอนนี้ก็รู้ว่าใครเป็นใครในขบวนการโจรก่อการร้าย
พล.อ. พัลลภ : อ๋อ...รู้สิ ผมยังรู้เลยว่า ใครเป็นหัวหน้าบีอาร์เอ็น โคออดิเนต หัวหน้าใหญ่ ซึ่งเทียบเท่าผบ.ทบ.เนี่ยก็รู้อยู่ รู้กระทั่งตัวประธานเขา นายกรัฐมนตรีเขา ดร.ฟาเด ดิสเอสมัน มันมีในโอบีเราหมดแหละ
เหตุการณ์ล่าสุดอย่างที่บอก เขาต้องการผลักดัน ต้องการบังคับให้เราเจรจา พอเรามีทีท่าเปิดเผยไปว่า ส่งคนระดับสูงไปเจรจากับเขา แล้วไปเจรจาผิดตัวด้วย ไอ้คนที่เจรจาก็พูโลเก่า มันเลิกไปแล้วไอ้นั่น เวลานี้ตัวคุมพื้นที่อยู่คือ บีอาร์เอ็น โคออดิเนต ไม่ไปตัวนี้...เขาก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าเฮ้ย...กลุ่มนี้นะเหนือ พยายามบีบให้เราเจรจา เพื่อเข้าโอไอซี มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อย่างที่เล่าให้ฟังมีพล.อ.คนหนึ่งเอามาออกทีวี แล้วมันก็ระเบิด 11 จุดทั่วภาคใต้ แบบเดียวกัน เหตุการณ์แบบเดียวกันไม่มีต่าง pattern เดียวกันเลย
ไทยอินไซเดอร์ : แปลว่าตอนนี้แนวทางของรัฐบาลที่ยังใช้แก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด โดยเฉพาะเรื่องการเจรจา และการทำงานของทหาร
พล.อ. พัลลภ : ไม่ใช่ฝ่ายทหาร มันเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ไม่ใช่ทหาร ทหารเขารู้อยู่ ผบ.ทบ.เขาพูดอยู่ว่า การเจรจามันไม่ได้ ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นการเจรจาไม่ใช่ทหาร (แต่คือ)ฝ่ายการเมือง
ไทยอินไซเดอร์ : วิธีการทำงานรัฐบาลควรทำอย่างไร
พล.อ. พัลลภ : อย่างที่บอก 1.ต้องมีเอกภาพในการบังคับบัญชา ตอนนี้ไม่มีเอกภาพ 1 ยุทธภูมิ ต้องมี 1 Commander ไม่ใช่ 3 Commander คนลงไปต้องให้กระบอง ให้เขามีอำนาจ ไม่ใช่ฝ่ามือไปเฉยๆ มีกระบองมันถึงทำงานได้ ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไปคนละทางแล้ว ศอ.บต.ก็พัฒนาไป ทหารก็ปราบไป มันก็ขัดกัน
ไทยอินไซเดอร์ : การเจรจาถ้าทำแบบเงียบๆ จะดีกว่าหรือควรทำหรือไม่
พล.อ. พัลลภ : ไม่มีการเจรจาอะไรเงียบหรอกครับ คุณคุยเกิน 2 คน มันก็ไม่เป็นความลับแล้ว คุณจะรู้เหรอไปเจรจากับเขา เขาอัดเทปไว้ แอบถ่ายรูปไว้ ถ้าเขาต้องการเอาเงื่อนไข “ข้อที่สาม” เข้าเป็นสมาชิกโอไอซี เขาเข้าเป็นได้ก็จบ...ภาคใต้เนี่ย รัฐบาลจะไปคุยทำไมเสียเวลา ไปสร้างให้เป็นเงื่อนไขทำไม...มันไม่ใช่ คือเขา(รัฐบาล)ทำแบบไม่รู้ไง ผบ.ทบ.พูดชัด แต่ท่านใช้คำว่า “ผิดกฎหมาย” แต่ผมที่ศึกษามามันเป็นอย่างนี้ มันจะให้เรายอมรับว่าขบวนการนี้เป็นขบวนการที่ถูกต้อง เสร็จแล้วก็เข้าโอไอซี เอา 57 ประเทศมาบีบเรา คุณก็จบ...ภาคใต้
.............
(หมายเหตุ : “พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี” ที่ปรึกษานายกฯ จัดหนัก ตีแสกหน้า ผิดหลักการ ระดับสูงคิด เจรจายุติได้ แต่ดันไปเข้าทาง 'โจรใต้' : สัมภาษณ์พิเศษ โดย ไทยอินไซเดอร์ http://thaiinsider.info)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น