วันเสาร์, พฤษภาคม 22, 2553

ปากคำ "นักข่าวต่างประเทศ" ที่ติดอยู่กลางดงกระสุนรอบวัดปทุมวนาราม

ภายหลังการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์หนึ่งที่ยังมีการพูดถึงจากหลายมุมมองก็คือ เหตุการณ์ภายในเขต "อภัยทาน" ของวัดปทุมวนารามในคืนดังกล่าว นี่คือ บันทึกของนักข่าวต่างประเทศสองราย ที่อาจทำให้เรามีมุมมองต่อเหตุการณ์ในเขตอภัยทานอย่างหลากหลายยิ่งขึ้น "แอนดรูว์ บันคอมบ์" นักข่าว นสพ.ดิ อินดีเพนเด้นท์ ของอังกฤษ ได้ส่งรายงานชื่อ "ประจักษ์พยาน: ภายใต้กระสุนปืนในกรุงเทพฯ" จากพื้นที่การปะทะในกรุงเทพ ไปเผยแพร่ลงใน http://www.independent.co.uk/news/world/asia/eyewitness-under-fire-in-thailand-1977647.html เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาดังนี้

พอกระสุนลิ่วเข้ามา พวกเราก็ต้องหาที่ซุกตัวหลบซ่อน ผู้คนแถวนั้นล้มตัวลงกับพื้นด้วยอาการหวาดหวั่น บางคนหลบหลังรถยนต์ พยายามบีบกายให้เล็กพอดีกับขนาดฝาครอบล้อรถ คนอื่นๆ กระโจนหลบกันจ้าละหวั่น เข้าไปอยู่หลังรถยนต์บ้าง รถกระบะบ้าง หลบหลังต้นไม้หรือแม้แต่กระถางต้นไม้ก็ยังมี

ผมกำลังอยู่ตรงทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิมีไว้สำหรับสวดมนต์ จึงควรจะใช้เป็นที่หลบภัยได้ แต่พอได้ยินเสียงลั่นไกปืนประกอบเสียงปังๆ ของลูกปืน ลิ่วเข้ามาแถวร้านขายของที่ระลึกของวัด พวกเราต่างก็ตระหนักว่า แม้แต่วัดแห่งนี้เองก็ไม่ปลอดภัย

ผู้บาดเจ็บถูกหามบ้างลากบ้างเข้าไปในวัด พวกเขาเลือดไหลอาบตัวส่งเสียงกรีดร้อง นอนบนเสื่อบ้าง ผ้าห่มบ้าง อะไรก็ได้ที่วางอยู่แถวนั้น อาสาสมัครเสื้อแดงผู้กล้าหาญพยายามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเท่าที่ทำได้ ใช้ผ้าเช็ดตัว ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ ห้ามเลือดจากรอยแผลกระสุนระหว่างที่ผู้บาดเจ็บรอคนนำตัวไปส่งโรงพยาบาล พวกอาสาสมัครช่วยเหลือไม่มีเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ใช้ไปมากกว่านี้

วัดแห่งนี้ติดป้ายข้างหน้าว่าเป็น "เขตอภัยทาน" หมายความว่าเป็นพื้นที่ปลอดการฆ่าล้าง

ช่วงบ่ายวานนี้ ในขณะที่ตึกใหญ่หลายแห่งในกรุงเทพฯ กำลังลุกเป็นไฟ ทำให้ควันดำปกคลุมไปทั่วท้องถนน รอบข้างวัดเก่าแก่อายุ 150 ปีแห่งนี้ได้กลายสภาพเป็นสมรภูมิรบอันน่าสยดสยองไปด้วย ผู้คนติดอยู่ในวัดออกมาไม่ได้

หลายคนที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้นอนตายอยู่นอกรั้ววัดนั่นเอง และยังมีผู้บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน พวกที่เข้ามาหลบอยู่ในวัดก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ภายในวัดมีศพเจ็ดร่างวางเรียงกันอยู่

เช้าวานนี้ คนเสื้อแดงหลายพันได้หลบหนีจากแยกราชประสงค์ อันเป็นบริเวณที่พวกเขาไปปักหลักประท้วงอยู่นานกว่าสองเดือน หลังจากที่ทหารบุกทะลายแนวรั้วกั้นเข้าไปได้ และหลังจากที่แกนนำประกาศให้ยุติการชุมนุม พวกเขาก็วิ่งหนีเข้าไปหลบในวัดปทุมวนาราม บรรยากาศภายในวัดทั้งตึงเครียด ทั้งหวาดหวั่น แต่ผู้คนในนั้นเชื่อว่า ทหารจะไม่ทำให้ภายในบริเวณวัดกลายเป็น สมรภูมิฆ่าพวกเขาสวดมนต์แสดงความเชื่อความหวังอย่างนั้น

"พอแกนนำบอกให้พวกเรากลับบ้าน ก็เลยมานี่ แกนนำบอกว่า จบแล้ว" หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งที่หลบอยู่ในวัดเล่าให้ฟัง ขณะที่หญิงเสื้อแดงอีกคนหนึ่ง ชื่อ "มาลี หงวนสง่า" [Malee NguanSanga] พูดขึ้นมาว่า "ในชีวิตไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนชั่วเท่าชุดนี้"

บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน พวกเราได้ยินเสียงปืนดังลั่นเข้ามาทางทิศตะวันตก ผู้สื่อข่าวบางคนที่เพิ่งเข้ามาในวัดบอกว่า มีเสื้อแดงกลุ่มเล็กๆ กำลังตอบโต้ด้วยหนังสติ๊ก ปืนพก และระเบิดเพลิง ตากล้องผู้หนึ่งบอกว่า เห็นชายคนหนึ่งโดนยิงขณะวิ่งหนีแนวทหาร โดนกระสุนสองลูกเข้าทางหลัง ดูเหมือนว่าลูกหนึ่งจะทะลุออกทางหน้าอก ภาพถ่ายที่ตากล้องผู้นี้ให้ผมดูนั้นน่ากลัวทีเดียว

จู่ๆ เสียงกระหน่ำยิงก็ดังขึ้น และดูเหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงปังๆ ถี่ขึ้น เสียงปืนแก๊ป (ของกลุ่มคนเสื้อแดง) ฟังแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเด็ดชีวิตผู้คนได้

ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในวัด เขาไม่ใส่เสื้อ จึงมองเห็นว่า แผ่นหลังด้านล่างของเขามีรอยแผลเป็นรูใหญ่ ไม่รู้ว่าโดนยิงขณะกำลังวิ่งอยู่ในบริเวณวัด หรือบาดเจ็บมาก่อนหน้านั้นแล้ว บรรยากาศโกลาหลเกินกว่าจะถามเช็คกับใครได้ พอเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลทีมหนึ่งเห็นรอยแผลของเขาก็วิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที

พวกเขาลากชายผู้นี้เข้าไปอยู่ในมุมที่ดูน่าจะปลอดภัย จับร่างของเขาพลิกหงาย แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวกับผ้าพันแผลกดซับเลือด ในทีมปฐมพยาบาลนั้นมีหญิงคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ราวกับว่าไม่รู้จักความกลัว

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้หามคนบาดเจ็บอีกคนหนึ่งเข้ามาในวัด ดูเป็นชายมีอายุ ท่าทางไม่ค่อยแข็งแรง เข้าใจว่าโดนยิงตรงหัวไหล่ ทีมอาสาสมัครปฐมพยาบาลรีบเข้าไปช่วยเหลือเขาทันที ชายผู้นี้ส่งเสียงครวญครางแผ่วเบาประสานเสียงปังๆ ของปืน

ตอนนั้นผมเป็นนักข่าวเพียงไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่ภายในวัด และช่วงนั้นเองผมได้รับบาดเจ็บตรงขาด้านนอกตอนแรกนึกว่าโดนสะเก็ดระเบิดสอง สามชิ้น แต่ภายหลังเห็นว่า เป็นชิ้นส่วนกระสุนที่ฝังตัวลงลึกในเนื้อโคนขา ลึกถึงสามนิ้วได้ เดาไม่ออกว่ากระสุนนี้ยิงมาจากทิศไหน ไม่แน่ใจว่า ทหารจงใจยิงนักข่าวแล้วหรืออย่างไร หรือว่าไม่สนใจแล้วว่าใครเป็นใคร

เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลรีบวิ่งมาช่วยทันที ราดน้ำเย็นใส่แผลซึ่งกำลังไหม้แล้วกดทับด้วยผ้าพันแผล กระสุนเข้าเนื้อเฉยๆ จึงอาการไม่ร้ายแรงนัก แต่ก็ปวดแสบปวดร้อนเอาการ รอบข้างผมนั้นเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ บรรดาอาสาสมัครที่เปิดคลินิกฉุกเฉินและแจกยากันตรงนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้มากกว่าที่ทำอยู่

ระบุไม่ได้จริงๆ ว่ากระสุนที่โดนขาผมนั้นยิงมาจากตรงไหน และไม่สามารถตอบได้ว่า ทหารยิงกราดไปทั่วอย่างไร้บันยะบันยังด้วยเหตุผลอันใด ลูกปืนที่กราดเข้ามานั้นยิงจากสไนเปอร์หรือพลทหารธรรมดา? ที่ค่อนข้างแน่ใจทีเดียวก็คือว่า กระสุนมาจากฝั่งทหาร คงไม่สามารถตอบได้ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทหารยิงไม่เลือกหน้า ทั้งๆ ที่อยู่ในระยะใกล้ผู้คนจำนวนมาก ผู้คนซึ่งเกือบทั้งหมดไม่พกอาวุธ ไม่ได้ทำตัวเป็นอันตราย และได้ออกจากพื้นที่ชุมนุมตามคำขอของทางการแล้ว หากพวกเขามีโอกาสที่จะออกจากตรงนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ก็ทำอย่างนั้นไปแล้ว ทุกคนทราบดีว่า นี่เป็นจุดจบของการต่อสู้ อย่างน้อยก็เป็นจุดจบของขั้นตอนนี้ของการต่อสู้ บรรดาผู้นำระดับสูงสุด ต้องตอบคำถามสำคัญเร่งด่วนหลายประการทีเดียวในกรณีนี้

วัดปทุมวนารามสร้างขึ้นช่วงรัชกาลที่ 4 ในยุคที่บริเวณรอบข้างยังคงเป็นคูคลองอยู่ ไม่เหมือนปัจจุบันที่ละแวกนี้เต็มไปด้วยตึกสูงกับห้างสรรพสินค้า บริเวณวัดได้กลายเป็นค่ายอพยพกึ่งโรงพยาบาลไปแล้ว พระกำลังสวดมนต์ ผู้คนปูเสื่อหาที่ซุกหัวนอน บางคนพยายามหาของกิน คนส่วนใหญ่ที่หลบอยู่ในนั้นแทบจะไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หลายคนมีเสื้อผ้าชุดเดียวก็ต้องซักตากกันตรงนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ไม่มีใครตอบได้ว่า จะต้องอยู่ในนั้นกันอีกนานเท่าไหร่

ที่ตลกร้ายก็คือว่า โรงพยาบาลตำรวจตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าวัดเพียงนิดเดียวเท่านั้นเป็นโรงพยาบาลที่ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการยามเกิดเหตุเช่นนี้มานานเป็นเดือนแล้ว ไม่มีใครกล้าหามผู้บาดเจ็บข้ามถนนไปส่งโรงพยาบาลเพราะถนนได้กลายเป็นสนามยิงปืนไปแล้ว

มันน่าประหลาดใจจริงๆ ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลได้ คนเสื้อแดงบางคนบอกว่า ยังมีกลุ่มพกอาวุธยิงตอบโต้ทหารอยู่ จึงหวั่นเกรงว่าทหารจะใช้อาวุธหนักยิงสวนเข้ามาอย่างที่ทำมาทั้งวันแล้ว ผู้คนกลัวมากจึงไม่ยอมลุกไปไหน พอผ่านเคอร์ฟิวสองทุ่มไป พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นต้องนอนรอกันไป บนเก้าอี้พับบ้าง เปลหามบ้าง หรือบนเสื่อ บางคนนั่งนิ่งๆ บางคนร้องครวญคราง ต่างคนต่างตระหนักดีว่า หมดหนทางที่จะช่วยตัวเองแล้ว

ในที่สุดก็ดูเหมือนว่า แถวนั้นตกลงหยุดยิงกันได้ หลังจากที่สำนักนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บุคคลที่ผู้ชุมนุมพยายามขับไล่ให้พ้นตำแหน่งอย่างสุดกำลัง ได้เข้าไปติดต่อประสานงาน ไม่ทราบเหมือนกันว่า หากไม่มีผู้บาดเจ็บเป็นนักข่าวต่างประเทศรวมอยู่ด้วยแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักข่าวคนหนึ่งที่มีเพื่อนร่วมงานชาวแคนาดากับล่ามวิ่งเต้นอย่างเต็มที่ให้นำตัวเขาออกมาให้ได้ หน่วยงานระดับสูงของประเทศจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างนี้หรือเปล่า?อาจจะไม่ก็ได้

อย่างไรก็ดีในที่สุดกาชาดก็สามารถส่งขบวนรถพยาบาลเข้ามาในวัด เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาลไปก่อน แล้วจะกลับมารับหญิงที่บาดเจ็บกับพวกเด็กๆ

พนักงานกู้ภัยนำตัวผู้ที่บาดเจ็บมากที่สุดออกไปก่อน

คนแรกที่หามออกไปคือชายหนุ่มที่โดนยิงตรงหลัง คนที่สองเป็นชายอีกคนหนึ่งถูกยิงตรงขา เขาร้องครวญครางตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่หามเขาลงเปลไปขึ้นรถ และพนมมือราวกับกำลังสวดมนต์ให้ตัวเองและประเทศชาติ

ตัวผมกับชายอีกคนหนึ่งที่โดนยิงตรงน่องออกไปด้วยกันในรถพยาบาลคันสุด ท้าย เขาชื่อ "ณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม่" [Narongsak Singmae] เป็นคนอีสานอายุ 49 ปี ขณะนอนรอ เขาพูดกับผมว่า "ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกมันยิงคนในวัด"

ขณะที่ "สตีฟ ทิคเนอร์" ช่างภาพชาวออสเตรเลีย ซึ่งได้หลบภัยเข้าไปอยู่ในวัดปทุมวนารามเมื่อดึกวันที่ 19 พฤษภาคม ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ท่ามกลางเสียงปืนและเสียงระเบิดว่า "คลื่นคนตายและผู้บาดเจ็บ" พยายามหาทางเข้าสู่วัด ที่เขากำลังหลบภัยร่วมกับผู้ประท้วงเสื้อแดง และนักข่าวชาวอังกฤษ

ทิคเนอร์บอกว่า ส่วนมากที่เข้าหลบภัยเป็นผู้หญิง และยังมีนักข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามอีกคนถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณบั้นท้าย

เขาบอกอีกว่า "เสื้อแดงที่มาที่นี่โดยส่วนมากไม่ใช่สายฮาร์ดคอร์"

ทิคเนอร์เป็นนักข่าวจากเมือง "นิวคาสเซิล" ที่อยู่ทางค่อนไปทางเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เดินทางไปกรุงเทพจากติมอร์ตะวันออกเมื่อวันอาทิตย์เพื่อทำข่าวการชุมนุม

เขาบอกว่าเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งโดนยิงจากทหารแค่ไม่กี่เมตรจากวัด

"ผมเห็นกระสุนพุ่งทะลุร่างชายคนนั้นออกมาจากหน้าอกและเขาก็ล้มลง"

เมื่อเขาและพระพยายามจะเข้าไปช่วย พวกเขาก็ถูกยิงใส่ "พวกนั้นรู้ว่าผมเป็นนักข่าวต่างประเทศ จากกล้องของผม" เขากล่าว

"พวกเราเป็นห่วงว่าคนที่ถูกยิงที่นอนอยู่บนทางเท้าจะตายจากการเสียเลือด เราจะทิ้งเขาไว้เฉยๆ ไม่ได้"

ทิคเนอร์กล่าวต่อไปว่า เขากับพระได้ช่วยผู้ชายคนนั้นเข้าไปในวัด แต่สุดท้ายก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้

"อย่างน้อยมีคนตายแล้ว 6 คนในวัด" เขากล่าว

"คนถูกยิงเรื่อยๆ และเสียงระเบิดก็ดังไม่หยุด"

ทิคเนอร์ยังกล่าวว่า ความรู้สึกคนในวันนั้นเศร้ามาก ทุกคน "กระวนกระวาย กลัว และประสาทเสีย"

เขาเองก็กลัวว่าจะโดนยิงทันทีถ้าเขาออกไปพ้นบริเวณวัด

"มีทั้งรถถัง และพลซุ่มยิงอยู่ที่นั้น ทุกอย่างสับสนและบ้าคลั่งไปหมด"

กองทัพไทยได้ประกาศเมื่อคืนว่า สถานการณ์สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว และปฏิบัติการทางทหารได้ยุติลง

แต่ทิคเนอร์บอกว่า เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้จะหยุดยิง

เขาบอกว่า ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ประชาชนหลายกลุ่มจะไม่มี น้ำ และไฟฟ้าใช้ รวมถึงจะไม่มีอาหารกินด้วย

0 ความคิดเห็น:

About This Blog

รายการบล็อกของฉัน

รายการบล็อก

Our Blogger Templates Web Design

  © Blogger templates The Professional Template by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP