เหิมหนัก!ปาบึ้มไล่ไทยพุทธ กองกำลัง RKKยิงถล่มอบต.ชิงเอ็ม16
กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงก่อเหตุสร้างสถานการณ์รุนแรงไม่เว้นแต่ละวัน โดยเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุร้ายเกิดขึ้นหลายจุด เริ่มตั้งแต่เวลา 9.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณ ม.6 บ้านลูธู ต.ปล่องหอย มีผู้เสียชีวิตทันที 1 ราย ทราบชื่อคือ นายดอเดะ เดงลา อายุ 50 ปี สมาชิก อบต.ม.6 ต.ปล่องหอย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน อาก้าจำนวนหนึ่งตกในที่เกิดเหตุ จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้นั่งพักผ่อนที่ม้านั่งบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือ ระหว่างนั้นมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4-5 คน แต่งชุดคล้าย เจ้าหน้าที่ ใช้รถยนต์เก๋งสีดำไม่ทราบเลขป้าย ทะเบียนเป็นพาหนะ ก่อนกระหน่ำยิงใส่ผู้ตาย จากนั้นได้หยิบอาวุธปืน M16 และปืนพกสั้น 9 มม. ของผู้ตายหลบหนีไป
ลูกซองส่องอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่ ส่วนในเวลา 10.00 น. ร.ต.ท.วิวัฒน์ พงษ์ปัญญาศรี ร้อยเวร สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงที่บริเวณศาลารับซื้อ ขี้ยางพารา ริมถนนสายปูลาไซร์-ยี่งอ ช่วงบริเวณบ้านคอลอแว ม.6 ต.ยี่งอ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.ท.พูลศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.ยี่งอ และกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.ระแงะ ทราบชื่อคือ นายอัสฮา ตาเย๊ะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/1 ม.8 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งอดีตเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคอลอแว ม.6 ต.ยี่งอ ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่บริเวณลำตัว อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์ เกิดขึ้นระหว่างที่ผู้ตายและพวกรวม 3 คน นั่งคุยอยู่ในศาลาระหว่างรอรับซื้อขี้ยางพาราจากเพื่อนบ้านอยู่นั้น มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีฟ้าไม่ทราบหมายเลข ทะเบียนเป็นพาหนะ มาจอดที่บริเวณริมถนน หน้าศาลา แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยาว ยิงใส่ 2 นัดซ้อน กระสุนถูกนายอัสฮา ได้รับ บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ปาบึ้ม!ขู่ไทยพุทธออกนอกพื้นที่ จากนั้นในเวลา 12.00 น. ร.ต.ท.วิวัฒน์ พงษ์ปัญญาศรี ร้อยเวร สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านพักเลขที่ 48/1 ม.8 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก. ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.ท.พูลศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบ ว่า บริเวณลานสนามหน้าบ้านมีร่องรอยระเบิดเป็นหลุมลึก 5 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว และ มีชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง ที่ผลิตเองใส่ไว้ในกระป๋องสเปรย์ หนัก 0.5 กก. ตกกระจายเกลื่อน นายสุทัศน์ นกเขา อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างโครงการลุ่มน้ำบางนราฯ เจ้าของบ้านให้การว่า ระหว่างที่นั่งอยู่หน้าบ้านพัก ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ใส่เสื้อยืดสีดำนุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ขี่รถ จยย.แบบผู้หญิงไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขว้างสิ่งแปลกปลอม ข้ามกำแพงรั้ว ตนตกใจจึงได้ลุกและวิ่งหลบหนี อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น หวั่นไหว จากนั้นคนร้ายขี่รถ จยย.หลบหนีไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการข่มขู่ไทยพุทธให้ออกไปจากพื้นที่ ผู้ว่าฯยะลา ให้กำลังใจ อส.กาลอ ส่วนในเวลา 9.30 น. นายเดชรัฐ สิมสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร นายอำเภอรามัน จ.ยะลา ได้เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการ อส.ตำบลกาลอ ม.2 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ แก่ อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.รามัน และ ชุด ชรบ. ที่อยู่ประจำฐานปฏิบัติการดังกล่าว โดย ผู้ว่าฯ ยะลา ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์คนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่งกายคล้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกปล้นปืนที่ฐาน อส.ตำบลกาลอ อ.รามัน จ.ยะลา และจับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและ อส.รามัน มัดมือไขว้หลังแล้ว จ่อยิงจนเสียชีวิตรวม 2 ราย ก่อนจะปล้นเอาอาวุธปืนยาวและปืนพกสั้นไป 7 กระบอก เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2555 ที่ผ่านมา ทางด้าน ชุดสืบสวน สภ.รามัน จ.ยะลา ได้ตรวจสอบภาพจากวงจรปิด ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ 1 ใน 10 ที่ร่วมก่อเหตุ คือนายเฟาซี มะแซจือนือแร ที่เคยก่อเหตุไม่สงบมาแล้วหลายครั้ง แม่ทัพ4เฝ้าระวังหาดใหญ่ วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมโรงแรมซากูระแกรนด์วิว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พลโท อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 พบปะกับสมาชิกเครือข่ายวิทยุเครื่องแดง ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ กว่า 500 คน ซึ่งทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์ในเขตเทศบาล นครหาดใหญ่ โดยแม่ทัพภาค 4 กล่าวถึงการ ทำงานว่า ได้ใช้แผนเชิงรุก สร้างความเข้าใจกับ ประชาชน ดำเนินการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งการส่งเสริมด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเคารพในสิทธิมนุษยชน ควบคู่กับการป้องกันและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แม่ทัพภาค 4 ยังได้ย้ำให้มีการเฝ้าระวัง พื้นที่หาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยให้เครือข่ายวิทยุ เครื่องแดงช่วยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยหลังจากนี้จะมีการวางจุดวิทยุเครื่องแดงเพิ่มอีก 300 เครื่อง เพื่อ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วหาดใหญ่ให้มากที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น