วันจันทร์, มีนาคม 19, 2555

ระวังตั้งโจทย์ผิด... ยาเสพติดจุดไฟใต้จริงหรือ?

แม้การโหมประโคมทั้งข่าวสารและปฏิบัติการเพื่อกวาดล้างยาเสพติด ตลอดจนขบวนการฟอกเงินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นเรื่องน่าสนับสนุน แต่ก็มีความเป็นห่วงจากหลายฝ่ายว่า เรื่องนี้เป็นการตั้ง "โจทย์ผิด" อีกครั้งของฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ เพราะจะว่าไปปัญหายาเสพติดกับไฟใต้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ "โจทย์" ที่เคยตั้งกันมาตลอด ก็คือ สถานการณ์ความไม่สงบและสภาพความไม่มั่นคงในพื้นที่ "เปิดช่องว่าง" ให้ขบวนการค้ายาและรวมไปถึงกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสีดำอื่นๆ ทั้งค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน สถานบริการ บ่อนการพนัน และค้ามนุษย์ เฟื่องฟูขึ้นอย่างกว้างขวาง สาเหตุสำคัญ ก็คือ "ความเป็นพื้นที่ชายแดน" ซึ่งมักมีปัญหาเหล่านี้โดยสภาพอยู่แล้ว เมื่อผนวกเข้ากับปัญหาความไม่สงบซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน จึงยิ่งทำให้ "ธุรกิจสีดำ" เหล่านี้ขยายตัว รายงานของ กอ.รมน.เมื่อปี 2552 ที่รายงานต่อรัฐบาล ก็แสดงความกังวลต่อสภาพการณ์ที่ว่านี้ กระทั่งต่อมามีการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมารับผิดชอบภารกิจที่เรียกว่า "แก้ปัญหาภัยแทรกซ้อน" ขึ้นใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งก็หมายถึงงานปราบปรามแก๊งค้ายาและน้ำมันเถื่อน เพื่อไม่ให้กลายเป็นภัย "ซ้ำเติม" ปัญหาความไม่สงบนั่นเอง แต่ "โจทย์" ที่เคยตั้งกันเอาไว้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งรับผิดชอบปัญหาชายแดนใต้อยู่พยายามให้ข้อมูลต่อสังคมในขณะนี้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เป็นข่าวสารสู่สาธารณะไปไกลถึงขั้นว่า ขบวนการค้ายาเสพติดสะสมกำลังพลและอาวุธ จับมือกับขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน "จุดไฟใต้" ขึ้นที่ดินแดนปลายด้ามขวาน และมีการนำเงินจากธุรกิจค้ายาไปสนับสนุนกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน! ว่าแล้วก็นำไปสู่หลักคิดในเชิงสมการที่ว่า เมื่อขบวนการค้ายาจับมือกับขบวนการก่อความไม่สงบ หากจัดการแก๊งค้ายาและยึดทรัพย์ได้หมด ไฟใต้ก็น่าจะดับลงได้ไม่ยาก... พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เคยให้ข้อมูลผ่านสื่อเมื่อปีก่อน โดยบอกว่า กลุ่มขบวนการธุรกิจใต้ดิน โดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดว่ามีน้ำหนักการสร้างสถานการณ์ป่วนใต้ถึง 70-80% ขณะที่กลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนนั้น มีน้ำหนักการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่เพียง 20% อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากหน่วยงานใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเอง ซึ่งรับผิดชอบภารกิจด้านต่อสู้ทางความคิดกับกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน กลับให้ข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป นายทหารหน่วยนี้มองว่า ความเชื่อมโยงของขบวนการค้ายาเสพติดกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนแม้จะมีอยู่จริง แต่ก็เป็นการเอื้อกันในลักษณะตัวบุคคลและพื้นที่ ไม่ได้หมายความว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนรวมเป็นเนื้อเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติด เหตุผลสำคัญ ก็คือ โครงสร้างของขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีจุดเด่น คือ เป็น "องค์กรลับ" และใช้ "ศาสนา" กับ "ประวัติศาสตร์บาดแผล" ของคนมลายูมุสลิมเป็น "เงื่อนไข" ในการระดมมวลชนเข้าขบวนการ ฉะนั้นหากโครงสร้างของระดับนำในขบวนการไปยุ่งเกี่ยวกับ "ยาเสพติด" ซึ่งผิดหลักศาสนาแน่นอน องค์กรนี้จะเดินหน้ามายาวนาน 7-8 ปี โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากคนรุ่นใหม่และปัญญาชนในพื้นที่ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างของขบวนการค้ายาเสพติด ไม่ได้รวมตัวกันด้วยอุดมการณ์หรือความเชื่อ แต่เป็นการรวมตัวกันทาง "ธุรกิจ" จึงง่ายต่อการ "ล่อซื้อ" และทำให้องค์กร "เสียลับ" นายทหารจากหน่วยงานนี้ฟันธงว่า หากขบวนการแบ่งแยกดินแดนรวมเป็นเนื้อเดียว กับขบวนการค้ายาเสพติดจริง โครงสร้างองค์กรน่าจะถูกทำลายไปนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มีคำถามอันแหลมคมที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่เคยพูดถึงเลย ก็คือ หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมวงด้วย ธุรกิจใต้ดินจะเฟื่องฟูได้ขนาดนี้หรือ การกล่าวหาและประโคมข่าวลักษณะนี้ หากมุ่งแต่จะ "ดิสเครดิต" ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในเวทีโอไอซี (องค์การการประชุมอิสลาม) โดยไม่มีหลักฐานและความรอบคอบเพียงพอ ระวังจะกลายเป็นเงื่อนไขรอบใหม่ที่ชายแดนใต้ ดังที่เกริ่นในตอนต้นว่า การกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และควรทำมาตั้งนานแล้ว แต่ปัญหาก็คือไม่ใช่ไปตั้งโจทย์ว่าไฟใต้ที่คุโชนมานานเกือบ 1 ทศวรรษมาจากปัญหาเหล่านี้เท่านั้น แล้วละเลยที่จะพูดถึงต้นตอของปัญหาจากมิติอื่นๆ ที่สำคัญกว่า โดยเฉพาะเงื่อนปมทางประวัติศาสตร์และความไม่เป็นธรรม ซึ่งรัฐไทยแทบไม่เคยขยับเพื่อแก้ไขอย่างจริงจังเลย!

0 ความคิดเห็น:

About This Blog

รายการบล็อกของฉัน

รายการบล็อก

Our Blogger Templates Web Design

  © Blogger templates The Professional Template by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP